Bentley Mulliner Batur รุ่นอนาคตของแบรนด์ที่ใช้ไฟฟ้า มีเพียง 18 คัน มาพร้อมพละกำลัง 710 แรงม้า

Bentley Mulliner Batur coupe ใหม่เปิดตัวในเมืองมอนเทอเรย์ รัฐแคลิฟอร์เนีย ในสัปดาห์นี้และแสดงตัวอย่างว่ารถทุกรุ่นจะมีหน้าตาเป็นอย่างไรในอนาคต  ซึ่งเป็นครั้งแรกในระยะเวลานานที่รถยนต์ของเบนท์ลีย์จะดูไม่เหมือนเดิม

Batur ถูกสร้างขึ้นโดยผู้อำนวยการฝ่ายออกแบบ Andreas Mindt และทีมงานของเขาที่ Bentley โดยผู้ผลิตรถยนต์ได้เปลี่ยนสู่การผลิต EV ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ “Beyond100” ซึ่ง Bentley หวังว่ารถรุ่นใหม่ๆ ที่จะเปิดตัวหลังจากนี้จะเป็นไฟฟ้าเต็มรูปแบบภายในปี 2030


ภายนอก

     Batur ใช้ประโยชน์จากการออกแบบของ Bentley ในปัจจุบันคือไฟหน้าทรงกลมแบบแยกส่วนหายไปแล้วและคูเป้รุ่นนี้มีไฟส่องสว่างย่อย 3 ดวงที่โฉบเฉี่ยวพร้อมไฟ LED ที่ยื่นออกไปทางบังโคลนหน้า กระจังหน้าแบบใหม่ที่ค่อนข้างเปลี่ยนไปเป็นอย่างมาก กันชนด้านล่างดุดัน มาพร้อมล้อขนาด 22 นิ้วที่ไม่เหมือนใครและไฟท้ายที่บางลงยิ่งกว่าเดิม

ภายใน

   

      การตกแต่งภายในของ Batur ไม่ได้แตกต่างไปจากภายนอกมากนัก ด้วยแรงบันดาลใจจาก Bacalar ของปีที่แล้วซึ่งห้องโดยสารยังคงรักษาเอกลักษณ์ของรถ Bentley ด้วยวัสดุที่ได้รับการปรับปรุงซึ่งปรับแต่งให้เข้ากับสไตล์ที่ลูกค้าแต่ละรายชื่นชอบ ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมเป็นหลัก

      ภายใน Batur มีวัสดุที่ยั่งยืนให้เลือก 3 แบบ ได้แก่ หนังสก็อตและอิตาลี รวมถึงหนังกลับ Dinamica อีกทั้งพรมที่ทำมาจากเส้นด้ายรีไซเคิลเป็นครั้งแรกของบริษัทและแทนที่จะใช้คาร์บอนไฟเบอร์ Bentley ได้ใช้วัสดุที่ประกอบขึ้นจากเส้นใยธรรมชาติที่ระบุว่ามาจากแหล่งที่ยั่งยืนกว่า อีกทั้งที่บริเวณคอนโซลกลางบริเวณปุ่มกด Start Stop มีไฮไลท์คือการใช้ทองคำ 18K รอบปุ่มกด Start Stop พร้อมกับสลักชื่อรุ่นที่วงแหวน Drive mode 

เครื่องยนต์

        เครื่องยนต์ W12 ขนาด 6.0 ลิตร แบบทวินเทอร์โบใช้งานได้ดี โดยได้รับการปรับแต่งมาเพื่อผลิตพละกำลังถึง 710 แรงม้า และแรงบิด 1,000 นิวตัน-เมตร  ซึ่งนี่คือรถที่ทรงพลังที่สุดเท่าที่บริษัทเคยสร้างมาและมันมีระบบกันสะเทือนแบบถุงลมขั้นสูงที่เพิ่มระบบกันสะเทือนแบบแอคทีฟด้วยไฟฟ้า รวมไปถึงเฟืองท้ายแบบลิมิเต็ดสลิปแบบอิเล็กทรอนิกส์ และพวงมาลัยสี่ล้อ

ราคา

         Bentley จะผลิตเพียง 18 คัน ด้วยราคาจำหน่ายสูงถึง 1.65 ล้านปอนด์ (70 ล้านบาท) และแต่ละคันได้ถูกจับจองไว้หมดแล้ว โดยการผลิตจะเริ่มต้นขึ้นในช่วงต้นปี 2023 หลังจากการทดสอบขั้นสุดท้ายเสร็จสิ้น  และจะพร้อมส่งมอบให้ลูกค้าภายในสิ้นปีเดียวกัน

ที่มา : Motor1

Exit mobile version