Aston Martin Rapide AMR ซุปเปอร์ซาลูนรุ่นพิเศษ เครื่อง V12 595 แรงม้า

       Aston Martin ปล่อยหมัดเด็ดอันสุดท้ายของซาลูน 4 ประตู Rapide ด้วยเวอร์ชัน AMR ก่อนที่จะเลิกขายในปี 2020

       นี่คือโมเดลที่ 2 ในปีนี้จาก AMR ซับแบรนด์รถสมรรถนะสูงของ Aston Martin ต่อจาก DB11 AMR ที่เพิ่งเผยโฉมไปเมื่อเดือนก่อน เรือนร่างภายนอกของ Rapide AMR โดดเด่นด้วยกระจังหน้าที่ชวนให้นึกถึง Vantage AMR Pro และไฟเดย์ไทม์ รันนิ่ง ไลท์ ทรงโดนัทคล้ายกับ Zagato รุ่นล่าสุด

        Rapide AMR กระชากบอดี้อันใหญ่โตจากจุดหยุดนิ่งถึงความเร็ว 100 กม./ชม. ใน 4.2 วินาที เท่ากับ Rapide S รุ่นปกติ เช่นเดียวกับเครื่องยนต์ V12 6.0 ลิตร ไม่ใช้ระบบอัดอากาศที่ใช้ร่วมกัน แรงบิดเท่าเดิมที่ 630 นิวตันเมตร แต่แรงม้าเพิ่มขึ้น 50 ตัว จาก 545 เป็น 595 แรงม้า ความเร็วสูงสุดแตะที่ 330 กม./ชม.

        พละกำลังที่เพิ่มขึ้นมาจากการปรับปรุงระบบไหลเวียนอากาศในเครื่องยนต์ใหม่โดยใช้ท่อร่วมไอดีขนาดใหญ่ขึ้น รวมถึงการปรับทดการทำงานของรอบเครื่องยนต์และเกียร์ใหม่ Rapide AMR ยังปรับจูนระบบกันสะเทือนใหม่ พร้อมทั้งปรับเพิ่มประสิทธิภาพแอโรไดนามิก

        Rapide AMR มาพร้อมกับชุดบอดี้พาร์ทคาร์บอนไฟเบอร์ ประกอบด้วย สปลิตเตอร์หน้า สเกิร์ตข้าง ดิฟฟิวเซอร์ท้าย และลิปสปอยเลอร์ท้าย ฝากระโปรงหน้าเจาะช่องระบายอากาศให้ใหญ่ขึ้นและทำจากคาร์บอนไฟเบอร์เช่นกัน

        Rapide AMR เตี้ยกว่า Rapide S ปกติ 10 มม. ติดตั้งโช๊คอัพปรับระดับที่ออกแบบใหม่เพื่อเพิ่มไดนามิกและเพิ่มความว่องไว ระบบเบรกเป็นแบบคาร์บอนเซรามิก จานเบรกหน้า 400 มม. พร้อมคาลิปเปอร์ 6 ลูกสูบ ด้านหลัง 360 มม. พร้อมคาลิปเปอร์ 4 ลูกสูบ ใช้ระบบระบายความร้อนเบรกของ Vanquish S พร้อมด้วยท่อเบรกแต่งและแผ่นกันฝุ่น จบงานด้วยล้อฟอร์จน้ำหนักเบาขนาด 21 นิ้ว รัดด้วยยาง Michelin Super Sport ที่ออกแบบมาเป็นพิเศษเพื่อช่วยลดความร้อนของระบบเบรกโดยเฉพาะ

        Rapide AMR มี 3 ธีมสีได้แก่ Standard Silhouette และ Signature ธีมสุดท้ายมาพร้อมสีตัวถัง Stirling Green คาดตัดด้วยแถบสีเขียวมะนาวเหมือนกับตัวแข่งของทีม Aston Martin ภายในตกแต่งด้วยวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ที่บริเวณคอนโซลกลาง เบาะทำจากหนัง Alcantara รถแต่ละคันจะปักโลโก้ AMR ไว้ที่เบาะ และติดตั้งแผ่นโลหะประทับตรา AMR ไว้ที่กาบบันไดคาร์บอน

 

        ราคาค่าตัวของ Rapide AMR เริ่มที่ 194,950 ปอนด์ (9.74 ล้านบาท) ผลิตจำกัดเพียง 210 คัน ส่งมอบรถคันแรกในช่วงฤดูใบไม้ร่วง ทั้งนี้ Rapide S จะเลิกทำตลาดในปี 2020 คาดว่าโมเดลที่จะมาขายแทนคือ DBX เอสยูวีรุ่นแรกของค่ายที่กำลังซุ่มพัฒนากันอยู่

Gallery

Exit mobile version