All-New Lexus ES ซีดานหรูพลังไฮบริด เปิดตัวอย่างเป็นทางการ ราคาเริ่มต้น 3.59 ล้านบาท

         โตโยต้า ประเทศไทย เปิดตัว All-New Lexus ES ซีดานหรูขนาดกลางเจนเนอเรชันที่ 7 โดดเด่นด้วยรูปลักษณ์ดีไซน์สปอร์ตโฉบเฉี่ยวย่อส่วนมาจาก LS รุ่นพี่ ผสานเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด สมรรถนะชั้นยอดจากเครื่องยนต์ไฮบริดใหม่ และความสะดวกสบายระดับสูงภายในห้องโดยสาร

          Lexus ES (Executive Sedan) คือยนตรกรรมซีดานหรูขนาดกลาง ซึ่ง ES รุ่นแรกถือกำเนิดขึ้นพร้อมเปิดตัวแบรนด์เลกซัสคู่กับเลกซัส LS เมื่อปี พ.ศ. 2532 ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา นับจากนั้นมา เลกซัส ES ก็ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง จากความโดดเด่นด้านความนุ่มนวลในการขับขี่และความเงียบภายในห้องโดยสาร ความนิยมดังกล่าวทำให้ ES เป็นรถซีดานที่มียอดขายสูงสุดในประวัติศาสตร์ของเลกซัส

          Lexus ES เจนเนอเรชั่นที่ 7 คือการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ ภายนอกออกแบบด้วยเส้นสายที่ดูสปอร์ตเร้าใจ เสริมความเฉียบคมให้เข้ากับความหรูหราอย่างลงตัว โดดเด่นด้วยกระจังหน้าแบบ Spindle grille ขนาดใหญ่สุดหรู พร้อมไฟหน้า Projector Lens แบบ Ultra Compact 3-LED ดีไซน์โฉบเฉี่ยว ไฟเดย์ไทม์ รันนิ่ง ไลท์ และไฟตัดหมอก LED

         ด้านท้ายโดดเด่นสวยงามด้วยชุดไฟท้าย LED รูปทรงตัว L และสปอยเลอร์หลัง มีระบบเปิด-ปิดฝากระโปรงท้ายด้วยไฟฟ้าเพียงสอดเท้าไปใต้กันชนหลัง

          ES ใหม่ สร้างบนสถาปัตยกรรมโครงสร้างตัวถัง GA-K (Global Architecture-K Platform) ที่มีจุดศูนย์ถ่วงต่ำ ทรงตัวเยี่ยมและควบคุมได้ดั่งใจ มิติตัวถังยาว 4,975 มม. กว้าง 1,864 มม. สูง 1,445 มม. ระยะฐานล้อ 2,870 มม. น้ำหนักตัวรถ 1,680-1,740 กก. มาพร้อมหลังคา Sunroof เปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า และล้ออะลูมิเนียมอัลลอยขนาด 18 นิ้ว หุ้มด้วยยาง 235/45 R18

         ภายในห้องโดยสารของ ES ใหม่ ออกแบบและตกแต่งอย่างประณีตหรูหรา หัวเกียร์และพวงมาลัยหุ้มด้วยหนัง มาพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันทั้งระบบปรับอากาศแบบแยกส่วน 3-Zone ระบบปรับสภาพอากาศภายในห้องโดยสารแบบ nano-e ระบบระบายลมเบาะนั่งคู่หน้า Ventilate Seat ระบบอุ่นเบาะนั่งคู่หน้า Heated Seat ระบบชาร์จโทรศัพท์ไร้สาย ตลอดจนไฟสร้างบรรยากาศภายในห้องโดยสาร Ambient Lighting

          เบาะนั่งหุ้มด้วยหนัง Semi-Aniline Leather ปรับไฟฟ้า 10 ทิศทางพร้อมระบบบันทึกความจำ มีปุ่มปรับดันหลังไฟฟ้าที่เบาะนั่งคู่หน้า เบาะด้านหลังปรับด้วยไฟฟ้า มีที่วางแขนตรงกลางพร้อมที่วางแก้วและแผงควบคุม ปกป้องผู้โดยด้านหลังด้วยม่านบังแดดหลังแบบไฟฟ้าพร้อมไฟส่องสว่าง

         แดชบอร์ดหน้าโดดเด่นด้วยหน้าจอ EM-V ขนาด 12.3 นิ้ว แสดงผลการเชื่อมต่อกับโทรศัพท์มือถือ ระบบเครื่องเสียง ไปจนถึงแผนที่นำทาง จอนี้สามารถควบคุมผ่านแป้นแบบสัมผัสที่คอนโซลกลาง ชุดเครื่องเสียงเป็นของ Pioneer กำลังขับ 230 วัตต์ พร้อมลำโพง 10 ตัว

         ES ใหม่ ยังมีระบบ Active Noise Control เป็นระบบปรับระดับการตัดเสียงรบกวนโดยใช้ไมโครโฟนดักจับเสียงจากเครื่องยนต์ เพื่อวัดระดับเสียงว่าต้องต้องการควบคุมเสียงมากแค่ไหน ระบบจะปล่อยคลื่นเสียงที่ตรงกันข้ามกับเสียงจากเครื่องยนต์ออกมาที่ลำโพงเพื่อหักล้างกัน ทำให้สามารถเพิ่มความเงียบในห้องโดยสารได้มากยิ่งขึ้น

         Lexus ES ใหม่ ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ระบบไฮบริดเจนเนอเรชันที่ 4 ประกอบด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบเรียง ขนาด 2.5 ลิตร VVT-iE 178 แรงม้า (PS) ที่ 5,700 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 221 นิวตันเมตร ที่ 3,600 – 5,200 รอบ/นาที ให้กำลังสูงสุด 120 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 202 นิวตันเมตร ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า ใช้แบตเตอรี่แบบ Nickel-Metal Hydride

 

         เมื่อเครื่องยนต์ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าจะได้พละกำลังสูงสุดรวม 218 แรงม้า (PS) ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ E-CVT ขับเคลื่อนล้อหน้า เร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 8.9 วินาที ความเร็วสูงสุด 180 กม./ชม. อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 23.2 กม./ลิตร ปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ 100 กรัม/กม.

          พวงมาลัยเป็นแบบพาวเวอร์ไฟฟ้า EPS รัศมีวงเลี้ยวแคบสุด 5.9 เมตร กันสะเทือนหน้าแบบแม็คเฟอสัน สตรัท กันสะเทือนหลังแบบดับเบิลวิชโบน ดิสก์เบรก 4 ล้อ มีโหมดการขับขี่ 3 โหมด ได้แก่ Eco, Normal และ Sport

          Lexus ES มาพร้อมกับด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยเหนือระดับ Lexus Safety System Plus เจนเนอเรชันที่ 2 ที่ประกอบด้วย ระบบป้องกันก่อนการชน เตือนการชนด้านหน้าพร้อมช่วยเบรกให้อัตโนมัติ, ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องจราจร, ระบบปรับไฟหน้าสูง-ต่ำอัตโนมัติ และระบบควบคุมความเร็วแบบแปรผัน

 

          นอกจากนี้ยังมาพร้อมระบบความปลอดภัยมาตรฐานมากมาย อาทิ ระบบเตือนเมื่อมีรถตัดผ่านขณะถอยหลัง RCTA, ระบบเตือนมุมสายตา, จอแสดงผลรอบทิศทาง, ระบบควบคุมการทรงตัว VSC, ระบบป้องกันการลื่นไถล TRC + DSC ระบบช่วยจอด Park Assist พร้อมจอแสดงภาพด้านหลัง, ถุงลมนิรภัยรอบคัน 10 ตำแหน่ง, ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน, ระบบเตือนแรงดันลมยาง TPMS ตลอดจนระบบกุญแจ Card Key

 

         Lexus ES มีสีตัวถังภายนอกให้เลือก 10 สี ได้แก่ Ice Ecru Mica Metallic (สีใหม่), Sunlight Green Mica Metallic (สีใหม่), Sonic Quartz, Sonic Titanium, Mercury Gray Mica, Platinum Silver Metallic, Black, Graphite Black Glass Flake, Red Mica Crystal Shine และ Deep Blue Mica

ราคา

พร้อมการรับประกันแบตเตอรี่ไฮบริด 10 ปีไม่จำกัดระยะทาง

สัมผัส All-New Lexus ES ได้แล้วที่โชว์รูมเลกซัสทุกสาขา ข้อมูลเพิ่มเติมที่ www.lexus.co.th, www.lexussociety.com และ www.facebook.com/lexussociety

 Gallery

 

 

Exit mobile version