เมอร์เซเดส-เบนซ์ กระตุ้นตลาดเปิดตัวรุ่นประกอบในไทยจาก 2 ตระกูล

Mercedes-Benz GLA 250 digitalweiß; Leder zweifarbig - classicrot/schwarz;Kraftstoffverbrauch kombiniert: 6,7-6,5 l/100 km; CO2-Emissionen kombiniert: 153-148 g/km Mercedes-Benz GLA 250 digital white; Leather, two-tone - classic red/black;Fuel consumption combined: 6.7-6.5 l/100 km; combined CO2 emissions: 153-148 g/km

มาแล้วกับการรอคอยจาก “The new GLA” และ “A-Class” รุ่นประกอบในประเทศจัดเต็มทุกออปชั่นและเทคโนโลยีความปลอดภัยกับราคาที่เอื้อมถึง

     เมอร์เซเดส-เบนซ์ เดินหน้ากระตุ้นตลาดรถยนต์ระดับพรีเมียมคอมแพคในช่วงปลายปีนี้ด้วยการเปิดตัวรถยนต์รุ่นประกอบในประเทศอย่าง “The new Mercedes-Benz GLA 200 AMG Dynamic” คอมแพคเอสยูวี เจเนอเรชั่นที่ 2 กับคาแรกเตอร์ที่ชัดขึ้น ภายในกว้าง ระบบความปลอดภัยแน่น และ“Mercedes-Benz A-Class” คอมแพคโฉบเฉี่ยวตอบโจทย์การใช้งานในโลกยุคปัจจุบัน 

The new Mercedes-Benz GLA 200 AMG Dynamic

พลังการขับเคลื่อน

     คอมแพ็คเอสยูวีเจเนอเรชั่นที่ 2 มาพร้อมขุมพลังขนาด 1,332 ซีซี ส่งกำลังสูงสุดถึง 163 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตรที่ความเร็ว 1,620-4,000 รอบ/นาที ให้อัตราเร่งที่ยอดเยี่ยมจาก 0-100 กิโลเมตรในเวลา 8.7 วินาที อัตราการปล่อยไอเสียต่ำเพียง 130-137  กรัม/กม. และยังมีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันที่ยอดเยี่ยมเฉลี่ยเพียง 5.7-6.0 ลิตร/100 กม.

ภายนอก     

     โดดเด่นใส่ใจรายละเอียดด้วยการกำหนดสัดส่วนของตัวถังให้สั้นลงเพิ่มความคอมแพคมากขึ้นทั้งด้านหน้าและด้านหลัง แต่ไม่ส่งผลต่อห้องโดยสารด้วยการยกสูงของตัวถังที่เพิ่มขึ้นเป็น 1,605 มิลลิเมตร (1,610 มิลลิเมตรเมื่อรวมราวหลังคา) เส้นสายกระจกข้างสไตล์คูเป้ยังคงเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของ GLA 

     มาที่กระจังหน้าและไฟหน้ายังคงให้ความเป็นตัวเองเหมือนไม่ว่าจะเป็นรายละเอียดหรือคุณภาพ ด้านท้ายกว้างขึ้นโดยออกแบบให้ไฟท้ายถูกแบ่งออกเป็น 2 ส่วนในแต่ละฝั่งปรับตำแหน่งของทับทิมสะท้อนแสงมาไว้ที่บริเวณกันชนท้ายและนี่จึงทำให้ประตูด้านหลังสามารถเปิดได้กว้างและจัดเก็บสัมภาระได้ง่ายขึ้น 

ภายใน

    ช่องลมของเครื่องปรับอากาศนั้นได้แรงบันดาลใจจากเครื่องบินเจ็ต พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันที่ตกแต่งแบบสปอร์ตหุ้มด้วยหนัง nappa รวมไปถึงระบบไฟส่องสว่างแบบ Ambient Light ในห้องโดยสารที่มีให้เลือกถึง 64 สี

เทคโนโลยีความปลอดภัย

     Mercedes me connect สามารถช่วยเหลือผู้ขับขี่ได้อย่างสะดวก อาทิ

Mercedes-Benz emergency call system หากเกิดอุบัติเหตุถุงลมนิรภัยทำงานจะทำการส่งตำแหน่งไปยังศูนย์ขอความช่วยเหลือทันที

Vehicle Monitoring สามารถเช็คตำแหน่งล่าสุดของรถยนต์ได้ผ่านแอปพลิเคชั่น Vehicle Set-up สามารถตรวจเช็คสภาพรถยนต์ได้จากระยะไกลโดยเซ็นเซอร์ที่อยู่ในรถจะตรวจสอบสภาพและส่งข้อมูลไปยังศูนย์ซ่อมเพื่อตรวจเช็คอย่างละเอียด

Maintenance Management ช่วยเตือนให้นำรถเข้าเช็คสภาพตามวันและเวลา

Online Booking ฟังก์ชั่นสำหรับการนัดหมาย

     นอกจากนี้ยังมีระบบที่ใหม่กว่าอีกด้วยระบบ MBUX (Mercedes-Benz User Experience) พร้อมฟังก์ชันช่วยเหลือผู้ขับขี่ผ่านแอปสมาร์ตโฟนได้ อาทิ 

Navigation ระบบนำทางใหม่ที่พัฒนาให้ใช้งานได้ดีขึ้น

Personal profiles จดจำข้อมูลของผู้ขับขี่ไม่ว่าจะเป็นลักษณะการนั่ง สีไฟ สถานที่ที่ไปประจำ ซึ่งสามารถจดจำได้ถึง 22 โปร์ไฟล์

Linguatronic ระบบสั่งการด้วยเสียงที่รองรับภาษาอังกฤษ, เยอรมันและฝรั่งเศส เพียงพูดคำว่า “Hey, Mercedes”

ทั้งหมดนี้วางจำหน่ายในราคา 2,399,000 บาท

Mercedes-Benz A-Class

พลังการขับเคลื่อน

    รถยนต์ระดับพรีเมียมรุ่นแรกในตลาดที่ใช้เครื่องยนต์ขนาดเล็กเพียง 1,332 ซีซี ให้กำลังสูงสุดถึง 163 แรงม้าเป็นคอมแพคที่แรงที่สุดในโลก แรงบิด 250 นิวตันเมตรที่ความเร็ว 1,620-4,000 รอบ/นาที อัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรในเวลาเพียง 8.1 วินาที อัตราการปล่อยไอเสียต่ำเพียง 119-124  กรัม/กม. และยังมีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันที่ยอดเยี่ยมเฉลี่ยเพียง 5.2 ลิตร/100 กม.

ภายนอก

      การออกแบบ Sensual Purity ที่เน้นความเรียบง่ายและให้ความสำคัญกับผิวสัมผัสจากการตัดทอนเส้นสายของภายนอก ด้านหน้ารับกับช่วงกระโปรงหน้าที่ลาดตัวต่ำและทอดตัวยาว กระจังหน้าแบบ diamond radiator grille ประกอบด้วยเส้นเดี่ยวแนวนอน ตราสัญลักษณ์ เมอร์เซเดส-เบนซ์

      กระจกมองข้างอยู่ในระนาบเดียวกับขอบล่างของกระจกห้องโดยสารพอดีล้อขนาด 18 นิ้ว แบบ 5 ก้านคู่ และโคมไฟหน้าแบบ LED High Performance และกรอบโครเมียมที่ทำงานร่วมกับไฟส่องสว่างขณะขับขี่ตอนกลางวันแบบ LED ที่มีลักษณะคล้ายคบเพลิง

ภายใน

    พื้นที่ว่างบริเวณช่วงไหล่ ข้อศอก และเหนือศีรษะมากกว่าค่าเฉลี่ยของรถยนต์ประเภทเดียวกันห้องเก็บสัมภาระด้านหลังมีปริมาตร 420 ลิตร พวงมาลัยสปอร์ตท้ายตัดหุ้มด้วยหนังชนิด nappa พร้อมระบบควบคุมหน้าจอบนพวงมาลัยแบบ Touch control 

     กระชับในการขับขี่ด้วยเบาะที่นั่งแบบ sport seat หุ้มด้วยหนัง ARTICO / DINAMICA microfibre เข็มขัดนิรภัยตกแต่งด้วยสีแดง และมาพร้อมหน่วยบันทึกความจำ อีกทั้งเบาะด้านหลังยังสามารถพับได้แบบ 40:20:40  

    หน้าปัดทรงปีกนกที่ทอดยาวตั้งแต่ประตูหน้า ผ่านคอนโซลกลางเชื่อมไปจนถึงด้านบนของแผงหน้าปัดฝั่งผู้ขับขี่ที่มาพร้อมกับหน้าจอ Widescreen ขนาด 10.25 นิ้วต่อกัน 2 หน้าจอ ทั้งสองจะอยู่ติดกันมีลักษณะลอยตัวแบ่งการแสดงผลเป็น 2 ส่วน คือ แผงหน้าปัดสำหรับแสดงมาตรวัดต่าง ๆ แบบ Widescreen อัตราส่วนที่ 16:9 และอีกจออินโฟเทนเมนต์พร้อมระบบปฏิบัติการหน้าจอแบบ MBUX ระบบสัมผัส เสริมด้วย Ambient Light ให้เลือกถึง 64 สี 

ด้านเทคโนโลยีความปลอดภัยจะถูกติดตั้งมาเช่นเดียวกับ The new Mercedes-Benz GLA 200 AMG Dynamic ทั้งระบบ Mercedes me connect และ MBUX ซึ่งในตระกูลนี้จะมีการผลิตในสองรุ่นย่อยคือ

หากสนใจสามารถติดต่อได้ที่ผู้จำหน่ายเมอร์เซเดส-เบนซ์ อย่างเป็นทางการได้ทั่วประเทศ

The new Mercedes-Benz GLA 200 AMG Dynamic

 

Mercedes-Benz A 200 Progressive

Mercedes-Benz A 200 AMG Dynamic

Exit mobile version