เผยโฉม All-New Mercedes-Benz A-Class มาพร้อมรูปลักษณ์ดุดัน ระบบสาระบันเทิงใหม่ หรูหราและสะดวกสบายแบบจัดเต็ม

Mercedes-Benz เผยโฉม The New A-Class แฮทช์แบ็กระดับพรีเมียมรุ่นใหม่ มาพร้อมเทคโนโลยีและความหรูหราของภายในที่ยกเครื่องใหม่ทั้งหมด

ac64e98195e3cefb6334a02369194db95e8f142f         

         A-Class เจนเนอเรชันที่ 6 ใหญ่กว่ารุ่นก่อนหน้าในทุกมิติ ตัวรถวางบน MFA Platform ที่ปรับปรุงประสิทธิภาพใหม่โดยออกแบบให้มีฐานล้อยาวขึ้น 30 มม. และกว้างขึ้น 14 มม. ผลที่ได้คือพื้นที่ภายในเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะเบาะหลัง และมิติโดยรวมยังทำให้รถดูดุดันขึ้นมาก

         A-Class ใหม่มีชื่อรหัสว่า W177 โครงสร้างตัวถังออกแบบให้แข็งแกร่งขึ้นและปรับปรุงการป้องกันเสียงรบกวนให้ดีขึ้น Mercedes บอกว่ารถคันนี้มีค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานต่ำเพียง 0.25 เท่านั้น ภายนอกของใหม่ได้รับมาจากรถต้นแบบ Concept A ที่เผยโฉมไปที่งานเซี่ยงไฮ้มอเตอร์โชว์มื่อปีที่แล้ว ด้านหน้าดุดันคล้ายกับ CLS ใหม่ที่เพิ่งเผยโฉมไปไม่นาน โดดเด่นด้วยกระจังหน้า AMG ไฟหน้ารูปทรงดุดันที่มาพร้อมเทคโนโลยี Multibeam LED  และกันชนหน้าพร้อมช่องรับอากาศขนาดใหญ่

e41303043fa40085ea91c8b0146c709cd6c9f4f0

         ไฟท้าย LED ดีไซน์ใหม่ช่วยทำให้รถดูกว้างและสปอร์ตมาก ซุ้มล้อออกแบบมารองรับกับล้ออัลลอยขนาดสูงสุด 19 นิ้ว แม้จะไม่ใช่รุ่น AMG ก็ใส่ได้ซึ่งนี่คือครั้งแรก มิติภายนอกของตัวรถยาว 4419 มม. กว้าง 1796 มม. สูง 1440 มม. Mercedes ออกแบบให้ประตูท้ายของ A-Class มีขนาดใหญ่กว่าเดิมเล็กน้อยเพื่อความสะดวกในการขนถ่ายสัมภาระ ความจุห้องเก็บสัมภาระเพิ่มจากรุ่นก่อน 29 ลิตรเป็น 370 ลิตร

         ไฮไลท์สำคัญของ The New A-Class คือภายในห้องโดยสาร โดยมาพร้อมระบบสาระบันเทิง 2 หน้าจอเหมือนกับ E-Class และ S-Class รุ่นพี่ จอ 2 จอนี้จะรวมอยู่ในกรอบสีดำ มันแสดงผลชุดหน้าปัดดิจิตอลและระบบนำทางด้วยดาวเทียมเป็นมาตรฐาน และหนึ่งในสองจอนี้ยังสามารถอัพเกรดเป็น 10.3 นิ้วได้อีก

         ในรุ่นท็อปจะมาพร้อมไวไฟฮอตสปอต ระบบนำทางเวอร์ชันที่สมจริงมากกว่า (ใช้ภาพจากกล้องหน้ารถ) และรายงานสภาพจราจร โดยทั้งหมดรวมอยู่ในระบบสาระบันเทิงใหม่ของ Mercedes-Benz ที่ชื่อ MBUX (Mercedes-Benz User Experience) ระบบนี้ควบคุมผ่านทัชแพดที่คอนโซลกลาง และหน้าจอจะรองรับระบบสัมผัสได้เป็นครั้งแรกของ Mercedes-Benz ออปชันเสริมสำหรับซื้อเพิ่มได้แก่ จอ Head-up display ระบบเตือนป้ายจราจร และระบบเครื่องเสียง Burmester

          ระบบใหม่ยังเจ๋งขึ้นไปอีกด้วยการรองรับการสั่งการด้วยเสียง ผู้ขับเพียงพูดว่า Hey Mercedes ก็จะเริ่มสั่งการระบบได้แล้ว ระบบนี้ยังเข้าใจการสนทนาที่เป็นประโยคยาวๆ ได้ด้วย นับว่าล้ำหน้ามากๆ ความหรูหราภายในยังรวมถึงไฟสร้างบรรยากาศในห้องโดยสารที่มีให้เลือกปรับมากถึง 64 สี

          ณ ตอนนี้ The New A-Class มี 3 เครื่องยนต์ให้เลือก ได้แก่ ดีเซล 1.5 ลิตร A180d ให้พละกำลัง 114 แรงม้า อัตราการกินน้ำมันอยู่ที่ 24.3 กม./ลิตร และยังปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ต่ำเพียง 108 กรัม/กม. ที่เหลืออีก 2 เครื่องยนต์เป็นเบนซินรหัส A200 และ A250 โดย A200 ใช้เครื่องเบนซิน 1.4 ลิตร 160 แรงม้าที่พัฒนาร่วมกับ Renault และ Nissan ส่วน A250 เป็นเครื่อง 2.0 ลิตร 221 แรงม้า เป็นบล็อกที่แรงที่สุด ตัวเลข 0-100 กม./ชม. อยู่ที่ 6.2 วินาที นอกจากนี้จะมีเบนซินอีก 2 รุ่น รวมทั้งดีเซลอีก 1 รุ่น เข้ามาเสริมทัพในภายหลัง ในรุ่นท็อปตัวแรงสุด Mercedes-AMG A45 จะมาในปี 2019 พร้อมกับพละกำลัง 400 แรงม้าจากเครื่อง 2.0 ลิตร เทอร์โบ โมเดลดังกล่าวจะเข้ามาต่อกรกับ Audi RS3 และ Ford Focus RS

          A200 มาพร้อมเกียร์ธรรมดา 6 สปีด ส่วน A250 กับ A180d มาพร้อมเกียร์อัตโนมัติ8คลัทช์คู่ 7 สปีดเป็นมาตรฐาน โดย Mercedes จะแนะนำเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีดในช่วงปลายปี ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ 4Matic จะมีเฉพาะ A45 เท่านั้น ซึ่งตอนนี้ Mercedes กำลังพัฒนาระบบ 4Matic ให้สามารถใช้ได้กับรถยนต์หลายๆ รุ่นมากขึ้น ผู้ขับขี่สามารถเลือกปรับการทำงานของช่วงล่างได้ 2 โหมดจาก Dynamic Select system ส่วนโช๊คอัพแบบแปรผันยังเป็นออปชันเสริมสำหรับลูกค้าเงินถึง

          The New A-Class มีทั้งหมด 3 ระดับตกแต่ง ได้แก่ SE, Sport และ AMG Line โดยตัวหลังสุดขายดีมากๆ ใน A-Class รุ่นก่อนหน้า อุปกรณ์มาตรฐานด้านความปลอดภัยและระบบช่วงเหลือได้แก่ ระบบช่วยควบคุมให้รถอยู่ในเลน ซึ่งสามารถอัพเกรดให้เป็นระบบช่วยขับขี่กึ่งอัตโนมัติแบบ S-Class ตัวล่าสุดได้ เท่ากับว่า A-Class ใหม่จะสามารถเร่ง เบรก และเลี้ยวได้เองในบางสถานการณ์ ซึ่งคู่แข่งในคลาสนี้ยังไม่มีคันไหนทำได้

           ราคาค่าตัวของ The New A-Class รุ่นเริ่มต้น A180 อยู่ที่ 24,000 ปอนด์ ตีเป็นเงินไทยไม่รวมภาษีก็ราวๆ 1.2 ล้านบาท ในราคานี้มันจะแพงกว่า Audi A3 Sportback และ BMW 1 Series ที่มีราคาเริ่มต้น 21,805 และ 22,370 ปอนด์ ตามลำดับ (1.09 และ 1.11 ล้านบาท)

Exit mobile version