เผยแล้วกับฮอนด้า ซิตี้ แฮทช์แบ็ก สปอร์ตทั้งคัน

นับเป็นครั้งแรกของโลกและฮอนด้า ซิตี้ ที่พัฒนาจากมิติถัง 4 ประตู มาเป็น 5 ประตู โดดเด่นด้วยความสปอร์ตรอบคันทั้งภายนอกสู่ภายใน รวมชุดแต่งในรุ่น RS พร้อมเทคโนโลยี Honda CONNECT

     ทุกคนต่างรอคอยการกลับมาพร้อมการเปลี่ยนแปลงรูปโฉมที่ไม่เหมือนจากเดิมไม่ว่าจะมิติตัวถัง การตกแต่งภายใน ดีไซน์ภายนอก ขุมพลังการขับเคลื่อนที่สามารถลดอัตราการสิ้นเปลืองได้ถึง 23.3 กิโลเมตรต่อลิตร พื้นที่การใช้สอยที่อเนกประสงค์ขึ้นกับเบาะนั่ง อัลตราซีท (ULTR) และมาตรฐานความปลอดภัย

การขับเคลื่อน

     ซิตี้ แฮทช์แบก มาพร้อมขุมพลังเทอร์โบ เครื่องยนต์ 1.0 ลิตร DOHC VTEC TURBO   3 สูบ 12 วาล์ว และ Turbo Charger ที่อัดอากาศเข้าสู่ห้องเผาไหม้ของเครื่องยนต์ได้เร็วขึ้นให้กำลังสูงสุด 122 แรงม้า ที่ 5,500 รอบต่อนาที แรงบิด 173 นิวตัน-เมตร ที่ 2,000 – 4,500 รอบต่อนาที ให้สมรรถนะการขับขี่ได้ดีเยี่ยมกว่าเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตรและมีแรงบิดเทียบเท่าเครื่องยนต์ขนาด 1.8 ลิตร ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด CVT (สามารถควบคุมผ่าน Paddle Shift ในรุ่น RS) ส่งผลให้อัตราเร่งดีและอัตราการประหยัดน้ำมันสูงถึง 23.3 กิโลเมตรต่อลิตร ระบบควบคุมอัตโนมัติ (Cruise Control System เฉพาะรุ่น RS) การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เป็นมาตรฐานจาก Euro5 อยู่ที่ 100 กรัม/กิโลเมตร รวมถึงการรองรับน้ำมัน E20 

เทคโนโลยีการขับเคลื่อน

      ระบบฉีดน้ำมันเชื้อเพลิงแบบฉีดตรง (Direct Injection) เป็นระบบฉีดตรงเข้าสู่ห้องเผาไหม้ด้วยปั๊มน้ำมันเชื้อเพลิงแรงดันสูง ช่วยให้เครื่องยนต์ทำงานได้ราบเรียบและต่อเนื่อง

      Dual VTC ระบบแคมชาฟท์ สามารถเพิ่มหรือลดองศาของแคมชาฟท์ในการเปิดปิดวาล์วไอดีและไอเสียเพื่อเพิ่มสมรรถนะการขับขี่ที่ดีมากขึ้น

      ระบบแปรผันระยะยกของวาล์ว VTEC เป็นการแปรผันระยะยกของวาล์วไอดี เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการประจุไอดีจำนวนมากเข้าสู่ห้องเผาไหม้ เอกลักษณ์เฉพาะของ VTEC 

    อินเตอร์คูลเลอร์แบบน้ำ (Water-Cooled Type Intercooler) ระบายความร้อนอากาศที่มาจากการบูสท์ของเทอร์โบด้วยน้ำที่ติดตั้งมากับเครื่องยนต์ 

ภายนอก

    การออกแบบภายใต้แนวคิด “Energetic Hatchback” ด้วยการวางเส้นสายที่เฉียบคมต่อเนื่องรอบคัน ดุดัน สปอร์ตมากขึ้น พร้อมไฟหน้า ไฟท้าย และไฟส่องสว่างกลางวันแบบ LED รับกับฝากระโปรงท้าย เสาอากาศแบบครีบฉลาม ล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ตขนาด 16 นิ้ว เฉพาะรุ่น RS และในรุ่น SV, S+ เป็นล้ออัลลอยด์ขนาด 15 นิ้ว

ภายใน

     มาในคอนเซปต์แนวคิด “Ambitious Beauty” เน้นความเรียบง่าย ทันสมัย ประณีตทุกขั้นตอน ใช้เส้นสายในแนวนอน เพื่อช่วยเพิ่มความรู้สึกโปรงโล่ง วัสดุตกแต่งคอนโซลหน้าแบบ Piano Black และมีพื้นผิวสัมผัสนุ่ม ภายในล้วนเป็นสีดำ เบาะหนังสีดำจะมีเฉพาะในรุ่น SV ใส่ความสปอร์ตด้วยหนังตกแต่งด้วยแถบแดงในรุ่น RS

     พร้อมเบาะนั่งอัลตรา ซีท (ULTR) แยกพับ 60:40 ปรับเปลี่ยนได้ถึง 4 โหมด

สำหรับในรุ่นสปอร์ต RS

ภายนอก

      ชุดแต่งสไตล์สปอร์ตแบบ RS รอบคัน โดดเด่นด้วยกระจังหน้าแบบ Gloss Black และสัญลักษณ์ RS พร้อมกันชนหน้าและกันชนหลังสไตล์สปอร์ต ไฟหน้า ไฟท้าย ไฟตัดหมอกและไฟส่องกลางวันแบบ LED กระจกมองข้างสีดำมีไฟเลี้ยวในตัว สปอยเลอร์หลังตกแต่งสีดำพร้อมสัญลักษณ์ RS ล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ตขนาด 16 นิ้ว และมิติตัวถังสีแดงอิกไนต์ (Ignite Red) 

ภายใน

      สะท้อนความสปอร์ตด้วยเบาะหนังกลับสีดำแถบแดง หน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ (Multi-Information Display) พร้อมมาตรวัดเรืองแสงสีแดง

เทคโนโลยีและฟังก์ชั่น

    หน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ (Multi-Information Display) มาตรวัดเรืองแสงสีขาวในรุ่น SV พวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชันพร้อมปุ่มควบคุมระบบเครื่องเสียงและปุ่มรับ-วางสายโทรศัพท์ ตั้งแต่ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ หน้าจอกลางแบบระบบสัมผัสขนาด 8 นิ้ว Advanced Touch รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay พร้อมระบบสั่งการด้วยเสียง SIRI จะมีเฉพาะในรุ่น RS,SV เท่านั้น

      ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์แบบอัจฉริยะ (One Push Ignition System) ระบบควบคุมประตูแบบอัจฉริยะ (Honda Smart Key System) ช่องเชื่อมต่อ USB 2 ช่องเฉพาะรุ่น RS , SV และช่องจ่ายไฟสำรอง ด้านหน้า 1 ตำแหน่ง ด้านหลัง 2 ตำแหน่ง ในรุ่น RS 

Honda CONNECT เฉพาะในรุ่น RS

     เทคโนโลยีการขับขี่ที่เชื่อมต่อกับแอปพลิเคชั่นบนสมาร์ตโฟนเข้าด้วยกันทั้งหมด 8 ฟังก์ชั่นหลักเพิ่มความมั่นใจทุกการเดินทาง

    My Service ตรวจสอบประวัติการเข้ารับบริการรวมถึงการประเมินรายการอะไหล่และรายจ่ายทั้งหมด

    Car Log บันทึกข้อมูลการขับขี่การเดินทางและแชร์ผ่านโซเชียลมีเดีย 

    WiFi เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตไร้สาย สามารถรองรับได้ถึง 5 อุปกรณ์ ระยะห่างการส่งสัญญาณ 40 เมตรโดยไม่มีสิ่งกีดขวาง

    Airbag Deployment เมื่อเกิดอุบัติเหตุหรือถุงลมทำงาน ระบบจะส่งข้อมูลฉุกเฉินไปยังฮอนด้าเพื่อเข้าช่วยเหลือเบื้องต้น

    Car Status แจ้งเตือนสถานะรถยนต์เมื่อเกิดความผิดปกติและสามารถแจ้งเตือนสัญญาณกันขโมย

    Remote Vehicle Control สามารถสั่งล็อคหรือปลดล็อค สตาร์ทรถและกำหนดอุณหภูมิได้และมีรหัสส่วนตัว 4 หลัก

    Geo Fence & Speed Alert กำหนดขอบเขตการขับขี่รถยนต์ทั้งเข้าและออกตามพื้นที่ที่กำหนดไว้ และยังสามารถตั้งค่าการแจ้งเตือนความเร็วตามกำหนดได้อีกด้วย

    Find My Car สามารถตรวจสอบพิกัดล่าสุดของรถยนต์และแสดงข้อมูลผ่านแอปพลิเคชั่น

เทคโนโลยีความปลอดภัย

   โครงสร้างตัวถังนิรภัย GForce Control หรือ G-CON ปกป้องห้องโดยสารจากการชนรอบทิศทาง

    ถุงลม 6 ตำแหน่ง เฉพาะในรุ่น RS

    กล้องส่องภาพด้านหลังปรับมุมมอง 3 ระดับ (Multi-angle Rearview Camera) เฉพาะในรุ่น RS, Sv

    ระบบป้องกันล้อล็อก (ABS) และระบบกระจายแรงเบรก (EBD) เมื่อเบรกกะทันหัน ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุมรถและหักพวงมาลัยหลบสิ่งกีดขวางที่อยู่ด้านหน้า ขณะที่ระบบกระจายแรงเบรก (EBD) จะช่วยกระจายแรงเบรกระหว่างล้อหน้าและล้อหลังเพื่อให้ความสมดุลกับน้ำหนักในการบรรทุกและเพิ่มประสิทธิภาพในการเบรก

    ระบบช่วยควบคุมการทรงตัวขณะเข้าโค้ง (Vehicle Stability Assist – VSA) ป้องกันการลื่นไถลออกทางด้านข้าง 

    ระบบช่วยการออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน (Hill Start Assist – HSA) เมื่ออยู่บนทางลาดชันและเผลอยกเท้าออก ระบบจะช่วยป้องกันไม่ให้ตัวรถเคลื่อนที่ไปข้างหน้า

    สัญญาณไฟฉุกเฉินอัตโนมัติขณะเบรกกะทันหัน (Emergency Stop Signal  – ESS) ระบบไฟฉุกเฉินจะทำงานอัตโนมัตรเมื่อมีการเบรกกะทันหันเพื่อช่วยส่งสัญญาณให้กับรถคันหลัง

ความหลากหลาย

    มีให้เลือกทั้งหมด 6 สี ได้แก่ สีแดงอิกไนต์ (เมทัลลิก) เฉพาะรุ่น RS สีใหม่ สีเทาเมทิเออรอยด์ (เมทัลลิก) พร้อมด้วย สีขาวแพลทินัม (มุก) เฉพาะรุ่น RS และ SV
สีดำคริสตัล (มุก) สีเทาโซนิค (มุก) และสีขาวทาฟเฟต้า เฉพาะรุ่น S+

 

     

Exit mobile version