ฮอนด้า เอชอาร์-วี อี:เอชอีวี ใหม่ พลังที่สมบูรณ์แบบของวันนี้ที่พร้อมขับเคลื่อนชีวิตของ

ฮอนด้า เอชอาร์-วี นับเป็นรถยนต์ที่สำคัญรุ่นหนึ่งของฮอนด้า ในฐานะผู้บุกเบิกตลาดเอสยูวีขนาดกลางในประเทศไทย และมีบทบาทในการขับเคลื่อนการเติบโตของเซกเมนต์ในปัจจุบัน อีกทั้งเติมเต็มความต้องการของตลาดเอสยูวีให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น ด้วยจุดเด่นของ ฮอนด้า เอชอาร์-วี เจเนอเรชันที่ 1 ที่ครบครันด้วยเอกลักษณ์ของยนตรกรรมอเนกประสงค์ในทุกมิติ ทั้งด้านดีไซน์สปอร์ตพรีเมียมล้ำสมัย สมรรถนะการขับขี่ที่สนุกสนาน และพื้นที่ใช้สอยที่กว้างขวาง รองรับทุกไลฟ์สไตล์การใช้งาน

     ครั้งนี้ ฮอนด้า เอชอาร์-วี เจเนอเรชันที่ 2 พร้อมสร้างปรากฎการณ์ใหม่ให้กับวงการยานยนต์อีกครั้ง ด้วยการมอบคุณค่าใหม่ระดับพรีเมียมที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ ทั้งดีไซน์ที่สปอร์ตล้ำสมัย โดดเด่นในทุกมุมมอง โดยที่ได้พัฒนาภายใต้แนวคิด AMP UP Your Life โดยจะเป็นยนตรกรรมที่ผสานทั้งฟังก์ชันการใช้งานและสมรรถนะการขับขี่ที่ดีเยี่ยม เพื่อยกระดับไลฟ์สไตล์ของลูกค้าและพาคุณไปค้นพบตัวตนใหม่ในฐานะของพาร์ตเนอร์

พลังจากดีไซน์ที่โดดเด่น สร้างตัวตนที่แตกต่าง 

       ฮอนด้า เอชอาร์-วี อี:เอชอีวี ใหม่ ได้รับการออกแบบภายใต้แนวคิด Everyday AMP UP partner” ที่สะท้อนตัวตนของยนตรกรรมเอสยูวีได้อย่างชัดเจน โดยเน้นผู้ใช้งานเป็นศูนย์กลาง เพื่อมอบประสบการณ์ที่เหนือระดับและมอบความสะดวกสบายสูงสุด ทั้งในด้านของดีไซน์ที่ล้ำสมัย ดึงดูดทุกสายตา และทัศนวิสัยที่ดีเยี่ยม อีกทั้งสเปซภายในห้องโดยสารที่กว้างขวาง อเนกประสงค์ รองรับทุกรูปแบบการใช้งาน พร้อมมอบพลังใหม่ในทุกการเดินทาง

ภายนอกโดดเด่นดึงดูดทุกสายตา

     ดีไซน์ภายนอก โดดเด่นในสไตล์สปอร์ตคูเป้ ได้รับการออกแบบอย่างเรียบง่าย แต่ประณีตในทุกรายละเอียด ดึงดูดทุกสายตาด้วยกระจังหน้าดีไซน์ใหม่ที่เชื่อมต่อกับไฟหน้า มอบความรู้สึกแข็งแกร่งและมีพลัง โดยมาพร้อมสีเดียวกับตัวรถ (รุ่น e:HEV EL) และสีดำเงา (รุ่น e:HEV E) พร้อมด้วยการปรับตำแหน่งของเสา A ที่ช่วยให้กระโปรงหน้าดูลาดยาวยิ่งขึ้น ตอบรับกับการใช้เส้นสายในแนวนอนที่ยาวต่อเนื่องจากไฟหน้าไปจนถึงไฟท้าย มอบความรู้สึกสปอร์ตโฉบเฉี่ยวล้ำสมัย อีกทั้งด้านหลังมาพร้อมดีไซน์ท้ายลาดสไตล์ Fastback ที่ผสานการออกแบบเข้ากับหลักอากาศพลศาสตร์ไว้อย่างลงตัว ช่วยให้ตัวรถสวยงามและเฉียบคม สมบูรณ์แบบในทุกมิติ

     มีกันชนหน้าและหลังดีไซน์ใหม่ มาพร้อมไฟหน้าและไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED และไฟท้ายแบบ LED Light Strip ที่เชื่อมต่อกับไฟเบรกเป็นเส้นแนวยาว อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะรุ่น นอกจากนี้ยังมีไฟตัดหมอกคู่หน้าแบบ LED (รุ่น e:HEV EL และรุ่น e:HEV RS) เสริมด้วยสปอยเลอร์หลังแบบสปอร์ต เสาอากาศครีบฉลาม และล้ออัลลอยดีไซน์ใหม่ ขนาด 17 นิ้ว (รุ่น e:HEV E และรุ่น e:HEV EL) มาพร้อมกับโลโก้ H Mark ตกแต่งกรอบสีฟ้า และสัญลักษณ์ e:HEV ที่ด้านท้าย สะท้อนเอกลักษณ์ความเป็นยนตรกรรมไฮบริดได้อย่างชัดเจน

     ใหม่ ฝากระโปรงท้ายไฟฟ้าแบบแฮนด์ฟรี พร้อมระบบปิดอัตโนมัติเมื่อกุญแจรีโมทอยู่ห่างจากตัวรถ (Hands-free Power Tailgate with Walk Away Close) อำนวยความสะดวกขึ้นอีกขั้น เพียงสอดเท้าไปที่เซนเซอร์บริเวณใต้กันชนด้านหลัง ระบบจะเปิดฝากระโปรงท้ายโดยอัตโนมัติ จากนั้นจึงกดสวิตช์ปิด พร้อมทั้งหยิบสัมภาระออกจากท้ายรถ และเดินออกห่างจากตัวรถ ระบบจะทำการปิดฝากระโปรงท้ายลงโดยอัตโนมัติ โดยขณะใช้งานจะต้องมีกุญแจรีโมทอยู่กับตัว และอยู่ห่างจากตัวรถอย่างน้อย 1 เมตร (รุ่น e:HEV EL และรุ่น e:HEV RS)

    พบครั้งแรกในโลกกับรุ่น RS ยกระดับความสปอร์ตพรีเมียมไปอีกขั้น ด้วยดีไซน์เอกซ์คลูซีฟรอบคัน โดดเด่นด้วยกระจังหน้าโครเมียมแบบสปอร์ต พร้อมสัญลักษณ์ RS มาพร้อมกับสัญลักษณ์ AMP UP บนกันชนหน้าด้านล่าง สะท้อนพลังใหม่ที่แตกต่าง ซึ่งกันชนหน้า-หลัง พร้อมชายกันกระแทกด้านข้างสีดำแบบสปอร์ตตกแต่งด้วยโครเมียม มีไฟหน้าและไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED และไฟตัดหมอกคู่หน้าแบบ LED นอกจากนี้มีไฟเลี้ยวด้านหน้าแบบ LED Sequential รวมถึงไฟท้ายแบบ LED Light Strip สี Smoke พบกับล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ตขนาด 18 นิ้ว ไปเผยมุมมองใหม่ด้วยหลังคากระจกแบบพาโนรามา (Panoramic Glass Roof) และเพิ่มความพิเศษยิ่งขึ้นกับสีภายนอก สีแดงอิกไนต์ (เมทัลลิก) ที่มาพร้อมหลังคาสีดำสไตล์ทูโทน สะท้อนความสปอร์ตไปอีกขั้น

ภายในมุ่งเน้นผู้ใช้งานเป็นศูนย์กลาง

      ภายในห้องโดยสารได้รับการออกแบบอย่างพิถีพิถันในทุกองค์ประกอบ โดยมุ่งเน้นผู้ใช้งานเป็นศูนย์กลาง มอบพื้นที่ที่กว้างขวาง สะดวกสบายในทุกที่นั่ง และคงไว้ซึ่งอรรถประโยชน์ โดยบริเวณคอนโซลหน้ามีการใช้เส้นสายแนวนอน พร้อมผิวสัมผัสที่เรียบ ผนวกกับการออกแบบที่ให้แสงภายนอกให้เข้าสู่ห้องโดยสาร ส่งผลให้ห้องโดยสารโปร่งโล่ง อีกทั้งมีการจัดวางเลย์เอาต์และฟังก์ชันการใช้งานต่างๆ ถูกจัดวางในตำแหน่งที่เหมาะสม ใช้งานได้ง่ายโดยไม่ต้องละสายตาจากการขับขี่ มอบทัศนวิสัยที่ดีเยี่ยม สะดวกสบายในทุกการเดินทางทุกที่นั่ง ด้วยระบบปรับอากาศอัตโนมัติ (Automatic Air Conditioning) ที่มาพร้อมระบบ Air Diffusion System โดยช่องปรับอากาศได้รับการปรับดีไซน์ใหม่ มอบทิศทางลมที่หมุนเวียนอย่างมีประสิทธิภาพ กระจายลมได้อย่างเหมาะสม ทั่วถึงทั้งห้องโดยสาร พร้อมด้วยช่องปรับอากาศตอนหลัง (เฉพาะรุ่น e:HEV EL และรุ่น e:HEV RS)

     ภายในห้องโดยสารทุกรุ่นมาพร้อมเบาะหนังดีไซน์ใหม่สีดำ ที่ออกแบบให้โอบรับกับสรีระของผู้นั่งได้ดียิ่งขึ้น โดยในรุ่น RS มาพร้อมเบาะหนังสีดำตกแต่งด้วยด้ายสีแดงแบบสปอร์ต แป้นเบรกและแป้นคันเร่งสไตล์สปอร์ต และ พวงมาลัยสีดำตกแต่งด้วยด้ายสีแดง คงเอกลักษณ์ความอเนกประสงค์ไว้ได้อย่างดีเยี่ยม ด้วยเบาะนั่งด้านหลังแบบอเนกประสงค์ แยกพับแบบ 60:40 ที่สามารถปรับพับได้หลากหลายเพื่อเพิ่มพื้นที่ใช้สอยได้อย่างสูงสุด โดยสามารถปรับเปลี่ยนได้ 3 รูปแบบ พร้อมห้องสัมภาระท้ายขนาดใหญ่ ได้แก่ แบบที่ 1 Utility Mode เบาะด้านหลังทั้ง 2 ด้านปรับพับเรียบ เพิ่มพื้นที่เก็บของด้านหลัง ซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของฮอนด้า ที่เบาะผู้โดยสารด้านหลังสามารถพับลงแนวราบได้เรียบ ช่วยเพิ่มพื้นที่สัมภาระด้านท้าย แบบที่ 2 Long Mode เบาะด้านหน้าและด้านหลังปรับพับ เพิ่มพื้นที่เก็บของในแนวยาว และแบบที่ 3 Tall Mode ซึ่งนับเป็นเอกลักษณ์ความอเนกประสงค์ที่โดดเด่นของ ฮอนด้า ที่สามารถพับเบาะด้านหลังขึ้น เพื่อเพิ่มพื้นที่เก็บของในแนวสูง ซึ่งมีเพียงฮอนด้า เอชอาร์-วี อี:เอชอีวี ใหม่ รุ่นเดียวในเซกเมนต์ที่สามารถพับเบาะในโหมดนี้ได้  ให้อุปกรณ์ชาร์จไฟแบบไร้สาย (Wireless Charger) (เฉพาะรุ่น e:HEV RS) มารพ้อมไฟอ่านหนังสือด้านหลังแบบ LED เปิด-ปิดแบบสัมผัส (เฉพาะรุ่น e:HEV RS) มีเบาะนั่งด้านคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง (เฉพาะรุ่น e:HEV RS)รวมไปถึงแผ่นกั้นห้องสัมภาระท้าย (เฉพาะรุ่น e:HEV RS) มีช่องเชื่อมต่อ USB จำนวน 4 ช่อง ด้านหน้า 2 ช่อง และด้านหลัง 2 ช่อง (เฉพาะรุ่น e:HEV RS) และช่องเชื่อมต่อ USB ด้านหน้า จำนวน 2 ช่อง (รุ่น e:HEV E และรุ่น e:HEV EL) ในส่วนของพวงมาลัยเป็นแบบมัลติฟังก์ชัน พร้อมปุ่มควบคุมระบบเครื่องเสียง, ปุ่มรับ-วางสายโทรศัพท์ และปุ่มควบคุมเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ Honda SENSING รวมไปถึงมาตรวัดพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ขนาด 7 นิ้ว  

ระบบสาระบันเทิง

     ฮอนด้า เอชอาร์-วี เจเนอเรชันที่ มีระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto และรองรับระบบสั่งการด้วยเสียง Siri และ Android Auto รวมไปถึงลำโพง 8 ตำแหน่ง (รุ่น e:HEV RS) ลำโพง 6 ตำแหน่ง (รุ่น e:HEV EL) และ ลำโพง 4 ตำแหน่ง (รุ่น e:HEV E)

พลังใหม่ด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัย

     ฮอนด้า เอชอาร์-วี อี:เอชอีวี ใหม่ ทุกรุ่นย่อยมาพร้อมเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง (Honda SENSING) ที่ทำงานร่วมกับกล้องมุมมองกว้างด้านหน้า ช่วยตรวจจับรถยนต์และคนเดินถนนได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีฟังก์ชันการทำงานหลักๆ ได้แก่ ระบบเตือนการชนพร้อมระบบช่วยเบรก (Collision Mitigation Braking System: CMBS)   ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ (Lane Keeping Assist System: LKAS) ระบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ (Road Departure Mitigation System with Lane Departure Warning: RDM with LDW)  และระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Auto High-Beam: AHB)  รวมไปถึงระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน พร้อมระบบปรับความเร็วตามรถยนต์คันหน้าที่ความเร็วต่ำ (Adaptive Cruise Control with Low-Speed Follow: ACC with LSF)  นอกจากนี้ยังมีระบบเตือนเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนที่ (Lead Car Departure Notification System: LCDN)  พร้อมด้วยเทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัยอันล้ำสมัยและเทคโนโลยีด้านการขับขี่ระดับพรีเมียม อาทิ ครั้งแรกของรถยนต์ฮอนด้าในประเทศไทย กับระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน (Hill Descent Control: HDC ระบบเบรกมือไฟฟ้า (Electric Parking Brake) ระบบ Auto Brake Hold ระบบแสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (Honda LaneWatch) หรือระบบล็อกรถอัตโนมัติเมื่อกุญแจรีโมทอยู่ห่างจากตัวรถ (Walk Away Auto Lock)

       นอกจากนี้ ยังมาพร้อม ฮอนด้า คอนเนค (Honda CONNECT) (เฉพาะรุ่น e:HEV RS) เทคโนโลยีเชื่อมต่อเพื่อการสื่อสารระหว่างผู้ขับขี่และรถยนต์ ทำงานผ่านแอปพลิเคชันบนสมาร์ตโฟน มาพร้อมหลากหลายฟังก์ชันการทำงาน โดยมี 8 ฟังก์ชันการใช้งานหลัก ที่จะมาช่วยอำนวยความสะดวก และเพิ่มความปลอดภัยตลอดการเดินทาง ได้แก่ My Service ตรวจสอบประวัติการเข้ารับบริการ รวมทั้งการประเมินรายการอะไหล่และค่าใช้จ่ายเบื้องต้น โดยจะมีการแจ้งเตือนกำหนดการเข้ารับบริการครั้งต่อไป ถัดมาCar Log ข้อมูลการขับขี่จะประกอบด้วยพฤติกรรมการขับขี่ และบันทึกการเดินทาง ที่สามารถเลือกทริปโปรด และแชร์ผ่านโซเชียล และยังมี Wi-Fi สามารถเชื่อมต่อสัญญาณอินเทอร์เน็ตไร้สายจากรถยนต์ โดยจะใช้งานได้พร้อมกันสูงสุดถึง 5 อุปกรณ์ มีระยะการส่งสัญญาณห่างจากตัวรถยนต์อยู่ที่ 40 เมตร โดยต้องไม่มีสิ่งกีดขวาง และ Airbag Deployment เมื่อเกิดอุบัติเหตุและถุงลมทำงาน กล่องอุปกรณ์ TCU จะส่งสัญญาณเตือนให้ทราบทันทีผ่านทางแอปพลิเคชัน พร้อมทั้งส่งข้อมูลไปยังศูนย์บริการข้อมูลฮอนด้าเพื่อทำการติดต่อไปยังเบอร์โทรศัพท์ที่ลงทะเบียนไว้ หรือเบอร์โทรฉุกเฉินที่ลูกค้าผู้ใช้งานระบุไว้ในระบบ เพื่อทำการประสานงานให้ความช่วยเหลือขั้นต้น รวมไปถึง Car Status แจ้งเตือนสถานะรถยนต์ เมื่อเกิดความผิดปกติจากระบบของรถยนต์ และ แจ้งเตือนสัญญาณกันขโมย เมื่อเกิดความผิดปกติกับรถยนต์จากภายนอก เช่น การเปิดประตู กระโปรงหน้า และฝากระโปรงท้ายของรถยนต์อย่างผิดปกติ นอกจานกี้ยังมี Remote Vehicle Control สามารถสั่งการล็อกและปลดล็อกประตูทั้งหมด อีกทั้งยังสามารถสั่งสตาร์ตเครื่องยนต์ พร้อมทั้งตั้งค่าระดับอุณหภูมิของระบบปรับอากาศในรถยนต์ และสั่งการดับเครื่องยนต์ ยิ่งไปกว่านั้นยังสามารถสั่งเปิดสัญญาณไฟ ทั้งไฟหน้าและไฟท้าย โดยผู้ใช้งานจะต้องกำหนดรหัสส่วนตัวเป็นตัวเลข 4 หลัก (PIN) และจะต้องป้อนรหัสส่วนตัวทุกครั้งก่อนการใช้งาน และGeo Fence & Speed Alert สามารถกำหนดขอบเขตการขับขี่รถยนต์ทั้งเข้าและออกตามพื้นที่ที่กำหนดไว้ และยังสามารถตั้งค่าการแจ้งเตือนความเร็วตามกำหนดได้อีกด้วย สุดท้ายคือ Find My Car สามารถตรวจสอบพิกัดรถยนต์ โดยระบบจะส่งพิกัดรถยนต์บนแผนที่ล่าสุด แสดงผลบนแอปพลิเคชัน ซึ่งผู้ใช้งานจะต้องใส่รหัสส่วนตัว 4 หลัก (PIN) ก่อนการใช้งาน

ราคา และรุ่น

        ฮอนด้า เอชอาร์-วี อี:เอชอีวี ใหม่ มีให้เลือกทั้งหมด รุ่นย่อย ได้แก่  รุ่น e:HEV RS   ราคาประมาณการต่ำกว่า  1,200,000 บาท  รุ่น e:HEV EL  ราคาประมาณการต่ำกว่า     1,100,000 บาท  และ รุ่น e:HEV E  ราคาประมาณการต่ำกว่า   990,000 บาท ดยจะประกาศราคาและเปิดจำหน่ายอย่างเป็นทางการในวันที่ 19 พฤศจิกายน 2564 นี้

       ฮอนด้า เอชอาร์-วี อี:เอชอีวี ใหม่  มี รุ่น e:HEV RS รุ่น e:HEV EL และ รุ่น e:HEV E มาพร้อมสีภายนอกทั้งหมด 5 สี ได้แก่ สีใหม่ สีขาวพรีเมียมซันไลท์ (มุก) และสีเทาเมทิเออรอยด์ (เมทัลลิก) พร้อมด้วยสีขาวแพลทินัม (มุก) และ สีดำคริสตัล (มุก) ในทุกรุ่นย่อย พิเศษสำหรับสีแดงอิกไนต์ (เมทัลลิก) ที่มาพร้อมหลังคาสีดำสไตล์ทูโทน เฉพาะรุ่น e:HEV RS มาพร้อมกับชุดอุปกรณ์ตกแต่งยกระดับความสปอร์ตอย่างมีสไตล์ด้วยชุดอุปกรณ์ตกแต่งโมดูโล (Modulo) โดยมีให้เลือกทั้งไอเท็มอุปกรณ์ตกแต่ง อาทิ กระจังหน้า ชุดสเกิร์ตหน้า ชุดตกแต่งกันชนหลัง ชุดตกแต่งประตูข้าง คิ้วตกแต่งไฟตัดหมอกชุดไฟตัดหมอกหน้า LED คิ้วบันไดสเตนเลส LED ปลอกท่อไอเสีย ม่านบังแดดผู้โดยสารตอนหลัง หรือในรูปแบบ
แพ็กเกจชุดแต่งรอบคัน อาทิ แพ็กเกจ Modulo Urban Package ประกอบด้วย สเกิร์ตหน้า ชุดตกแต่งกันชนหลัง และชุดตกแต่งประตูข้าง

     เสริมความมั่นใจในการขับขี่ยนตรกรรมระดับพรีเมียม โดย ฮอนด้า เอชอาร์-วี อี:เอชอีวี ใหม่ มาพร้อมการรับประกันอายุการใช้งานแบตเตอรี่ไฮบริดถึง 10 ปี และรับประกันระบบไฮบริดทั้งระบบ ปี ไม่จำกัดระยะทาง** พร้อมบริการหลังการขายที่ได้มาตรฐานจากโชว์รูมและศูนย์บริการฮอนด้า 229 แห่งทั่วประเทศ  

Exit mobile version