รีวิว รถยนต์ All-New Honda Accord รุ่น EL (ลองขับ)

ทดสอบสมรรถนะ New Honda Accord e:HEV บนเส้นทางสายใต้จากจังหวัดภูเก็ต – พังงา – กระบี่ รวมระยะทาง ไป-กลับกว่า 270 กม.

ภายนอก

ขนาดตัวรถที่ใหญ่ขึ้นและวีลเบสที่สั้นลง ช่วยให้มีการออกแบบภายนอกที่มีความสปอร์ตมากขึ้น โดยเน้นไปที่รูปทรงที่เพรียวยาวและหลังคาแบบลาดเอียง ซึ่งให้ความรู้สึกของรถยนต์แบบคูเป้ การใช้เส้นสายที่เฉียบคมผสมผสานกับมิติตัวถังที่สวยงาม พร้อมไฟหน้าและไฟท้ายที่มีการออกแบบใหม่ ทำให้รถมีลุคที่ทันสมัยและสะกดทุกสายตา มิติตัวถังมีขนาดใหญ่ขึ้นเล็กน้อย โดยมีความยาว 4,971 มิลลิเมตร กว้าง 1,862 มิลลิเมตร สูง 1,450 มิลลิเมตร ความยาวฐานล้อ 2,830 มิลลิเมตร ยาวกว่า G10 รุ่นที่ผ่านมา 71 มิลลิเมตร ล้ออัลลอย ขอบ 18 นิ้ว 235/45R18

การออกแบบใหม่ทั้งคัน ภายใต้แนวคิด “Creative Black Tie” ที่สื่อถึงภาพลักษณ์ที่เป็นทางการ แต่ก็แฝงด้วยลูกเล่นที่สนุกสนาน สะท้อนถึงการออกแบบ แอคคอร์ด ใหม่ ให้มีเสน่ห์ น่าหลงใหล ลงตัวด้วยความเป็นสากลและความมีเอกลักษณ์ โดยเริ่มจากตัวถังที่มีความยาวเพิ่มขึ้น 68 มม. สันฝากระโปรงหน้าที่ลาดเอียงและยาวขึ้น ผสานกับตัวรถด้านหน้าที่ดูเฉียบคม แข็งแกร่ง เชื่อมต่อกับเส้นสายด้านข้างตัวรถที่ยังคงเอกลักษณ์การใช้เส้นสายแนวนอน เพื่อเน้นโครงสร้างตัวถังในคอนเซปต์ Low & Wide

ส่วนหน้าใหม่พร้อมกระจังหน้าทรงหกเหลี่ยมคล้ายรถอเมริกันสวยงาม ไฟหน้าและไฟท้ายแบบ LED ระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ  ไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED กระจกมองข้างปรับไฟฟ้า พร้อมพับเก็บอัตโนมัติ กระจกมองข้างด้านซ้ายปรับลดอัตโนมัติเมื่อถอยหลัง (รุ่น e:HEV EL และ e:HEV RS)  ไฟท้าย LED แบบเชื่อมต่อกันทั้งสองฝั่งซ้าย-ขวาดูลงตัว และเสาอากาศแบบครีบฉลาม

Accord e:HEV EL มีอุปกรณ์มาตรฐานเพิ่มขึ้นจากรุ่น E ดังนี้

ล้ออัลลอย ขนาด 18 x 8 นิ้ว สีทูโทน ยาง ขนาด 235/45 R18  กระจกมองข้างฝั่งซ้ายปรับลดมุมอัตโนมัติ เมื่อเข้าเกียร์ถอยหลัง  เซ็นเซอร์กะระยะด้านหน้า 4 ตำแหน่ง  เซ็นเซอร์กะระยะด้านหลัง 4 ตำแหน่ง  ภายในโทนสีดำล้วน  ไฟสร้างบรรยากาศภายในห้องโดยสาร Ambient Light ปรับได้ 7 สี  สวิตช์ปรับพนักพิงเบาะนั่งผู้โดยสารด้านหน้า บริเวณด้านข้างเบาะ  ระบบฟอกอากาศ PlasmaCluster  กล้องมองภาพรอบทิศทาง Multi-view Camera System  ระบบแสดงข้อมูลบนกระจกบังลมหน้า Head-up Display ขนาด 11.5 นิ้ว

เครื่องยนต์และระบบส่งกำลัง

เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ  DOHC 16 วาล์ว 2.0 ลิตร 1,993 ซีซี. ฉีดจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงแบบ Direct Injection จุดระเบิดแบบ Atkinson Cycle กำลังสูงสุด 147 แรงม้า (PS) ที่ 6,100 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 182 นิวตันเมตร ที่ 4,500 รอบ/นาที รองรับน้ำมันสูงสุด Gasohol E20 ความจุถังน้ำมัน 48.5 ลิตร

หลักการทำงานของเครื่องยนต์

ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า AC Synchronous Permanent Magnet Electric Motor 2 ตัว ประกอบด้วยมอเตอร์ Generator และมอเตอร์ขับเคลื่อน พ่วงด้วยแบตเตอรี่ Lithium-ion พละกำลังสูงสุด 184 แรงม้า (PS) ที่ 5,000 – 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 335 นิวตันเมตร ที่ 0-2,000 รอบ/นาที (Civic e:HEV มอเตอร์ 184 แรงม้า 315 นิวตันเมตร) รวมพละกำลังสูงสุดทั้งระบบ 207 แรงม้า (PS)

ระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริด e:HEV ทุกรุ่นย่อย ให้การตอบสนองที่ทันใจและทรงพลังด้วยการทำงานของมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูง 2 ตัวในระบบเกียร์ E-CVT ที่มอบแรงบิดสูงสุด 335 นิวตัน-เมตร และแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออนที่มีประสิทธิภาพสูง ผสานการทำงานกับเครื่องยนต์ใหม่ขนาด 2.0 ลิตร Direct Injection Atkinson-Cycle DOHC มอบพลังการขับเคลื่อนที่ไร้กังวลในทุกเส้นทาง โดยระบบสามารถปรับเปลี่ยนโหมดการขับขี่ได้อย่างชาญฉลาด และประหยัดน้ำมันดีเยี่ยมถึง 25 กม./ลิตร และเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ Honda SENSING ในทุกรุ่นย่อย อีกทั้งสามารถเข้าถึงอารมณ์การขับขี่ด้วยไฟฟ้า กับสวิตช์ควบคุมโหมดการขับขี่ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า (EV Switch) ซึ่งติดตั้งอยู่บริเวณคอนโซลกลาง ที่ได้รับการพัฒนาโดยเพิ่ม Charge Mode เข้ามาเป็นครั้งแรก ในแอคคอร์ด

มาพร้อมโหมดการขับขี่ Drive Mode 6 รูปแบบ ได้แก่

Econ  / Normal  / Sport  /  Individual  /  EV  /  Charge

ระบบกันสะเทือน

ด้านหน้า อิสระ MacPherson Strut พร้อมเหล็กกันโคลง   ด้านหลัง อิสระ Multi-link พร้อมเหล็กกันโคลง

ระบบห้ามล้อ

ด้านหน้า จานเบรกแบบมีครีบระบายความร้อน (Ventilated Disc)   ด้านหลัง จานเบรกแบบธรรมดา

ภายในห้องโดยสาร

ภายในห้องโดยสารกว้างขวาง สะดวกสบาย โดยได้รับการออกแบบเพื่อมอบทัศนวิสัยที่ดี โดยเน้นการส่งมอบคุณภาพระดับพรีเมียมภายใต้ 3 แกนหลัก ได้แก่ Comfort ที่เน้นให้ทุกองค์ประกอบเชื่อมต่อเป็นหนึ่งเดียวอย่างลงตัว เช่น แผงด้านหน้าและแผงประตู ที่เชื่อมต่อกันในแนวนอน Intelligence หรือการจัดวางฟังก์ชันการใช้งานที่ยืดหยุ่น สะดวกสบาย เช่น การจัดการข้อมูลบนหน้าจอ Display Audio ที่มีขนาดใหญ่ให้อยู่ตรงกลาง และ Advance ความเรียบหรูล้ำสมัย เช่น การออกแบบบริเวณแผงคอนโซลกลาง หรือที่วางแขน ให้สะท้อนภาพลักษณ์ที่มีระดับของรถ ผสานด้วยการใช้ finishing ที่ให้ความหรูหรา ประณีต เสริมด้วยการใช้วัสดุบุนุ่มในจุดที่มีการสัมผัสบ่อย มอบความสะดวกสบายและผ่อนคลายภายในห้องโดยสาร อีกทั้งโดดเด่นด้วยพื้นที่ช่วงขาและช่วงเข่า และพื้นที่เก็บสัมภาระท้ายที่เหนือกว่ารถในระดับเดียวกัน

ครั้งแรกของรถยนต์ฮอนด้า กับปุ่ม Experience Selection Dial ที่สามารถหมุนเพื่อเลือกและบันทึกฟังก์ชันการใช้งานต่าง ๆ ได้อย่างง่ายดาย โดยสามารถปรับเลือกระบบปรับอากาศ ระบบเครื่องเสียง และไฟสร้างบรรยากาศภายในรถยนต์ได้ ซึ่งจะแสดงผลบนระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 12.3 นิ้ว ช่วยให้ผู้ขับขี่สัมผัสกับประสบการณ์การควบคุมได้อย่างง่ายดาย อีกทั้งสามารถตั้งค่าผู้ใช้งานได้จำนวนสูงสุดถึง 8 ผู้ใช้งาน

ไฟสร้างบรรยากาศภายในห้องโดยสารแบบปรับเฉดสีได้ (Multi-color Ambient Light) ที่ได้รับการติดตั้งใน ฮอนด้า แอคคอร์ด อี:เอชอีวี ใหม่ เป็นครั้งแรก (รุ่น e:HEV EL และ e:HEV RS) โดยสามารถเลือกโหมดการเปลี่ยนสีของไฟได้ ดังนี้

o             โหมด Recommended Color ไฟจะสามารถปรับเปลี่ยนสีได้โดยอัตโนมัติตามชุดสีที่เลือก ขึ้นอยู่กับสถานการณ์

o             โหมด Theme Color ผู้ใช้งานสามารถเลือกปรับไฟสีที่ต้องการได้ โดยมีสีให้เลือก 10 เฉดสี

•              ใหม่ ระบบเครื่องเสียงพร้อมลำโพง BOSE 12 ตำแหน่ง ในทุกรุ่นย่อย

•              ระบบฟอกอากาศภายในห้องโดยสาร Plasmacluster (รุ่น e:HEV EL และ e:HEV RS)

•              เบาะนั่งด้านคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง พร้อมปุ่มปรับดันหลัง 4 ทิศทาง

•              ระบบบันทึกตำแหน่งเบาะนั่งของผู้ขับขี่ พร้อมเลื่อนอัตโนมัติเวลาขึ้น-ลงรถ

•              ใหม่ เบาะนั่งผู้โดยสารด้านหน้าปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง

•              ปุ่มปรับเบาะไฟฟ้าข้างพนักพิงเบาะนั่งผู้โดยสารตอนหน้า (รุ่น e:HEV EL และ e:HEV RS)

•              ใหม่ ระบบควบคุมประตูอัจฉริยะ (Honda Smart Key System) พร้อม Honda Smart Key Card

(รุ่น e:HEV RS)

•              ช่องปรับอากาศสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง (รุ่น e:HEV EL และ e:HEV RS)

•              ม่านบังแดดกระจกข้างด้านหลัง

•              อุปกรณ์ชาร์จไฟแบบไร้สาย (Wireless Charger)

การขับขี่

ระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริด e:HEV ในทุกรุ่นย่อย

•              ให้การตอบสนองที่ทันใจและทรงพลัง ด้วยการทำงานของมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูง 2 ตัว ในระบบเกียร์ E-CVT ได้แก่ มอเตอร์ที่ทำหน้าที่สร้างกระแสไฟฟ้า (Motor Generator) และมอเตอร์ที่ทำหน้าที่ขับเคลื่อนล้อ (Motor Drive) มอบแรงบิดสูงสุด 335 นิวตัน-เมตร และแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออนประสิทธิภาพสูง ผสานการทำงานกับเครื่องยนต์ใหม่ขนาด 2.0 ลิตร Direct Injection Atkinson-Cycle DOHC 4 สูบ 16 วาล์ว โดยระบบจะมอบสมดุลระหว่างสมรรถนะการขับขี่ที่ทรงพลัง แรง ตอบสนองดั่งใจ มอบอัตราการประหยัดน้ำมันที่เยี่ยมถึง 25 กม./ลิตร ทั้งยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมด้วยอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพียง 96 กรัม/กิโลเมตร

•              ระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริด e:HEV สามารถปรับเปลี่ยนโหมดการทำงานให้เหมาะสมกับทุกสถานการณ์การขับขี่ได้อย่างชาญฉลาด (Intelligent Multi-mode drive) ประกอบไปด้วยการทำงานของโหมดการขับขี่ 3 โหมด ได้แก่ โหมดการขับขี่ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า (EV Drive Mode) โหมดการขับขี่ด้วยระบบไฮบริด (Hybrid Drive Mode) และโหมดการขับขี่ด้วยเครื่องยนต์ (Engine Drive Mode) นอกจากนี้ ในขณะลดความเร็ว ระบบจะเปลี่ยนพลังงานที่เกิดขึ้นจากการลดความเร็วนั้นให้เป็นพลังงานไฟฟ้า และชาร์จกลับไปยังแบตเตอรี่ (Regeneration)

•              นอกจากนี้ แอคคอร์ด อี:เอชอีวี ใหม่ ยังมาพร้อมสวิตช์ฟังก์ชัน Drive Mode ที่ผู้ขับขี่สามารถเลือกโหมดการขับขี่ได้ตามสไตล์ เพียงกดปุ่มที่อยู่บริเวณด้านล่างของคันเกียร์ ได้แก่ ใหม่ โหมดการขับขี่แบบ Individual (Individual Mode) ที่สามารถเลือกปรับเปลี่ยนการทำงานของระบบส่งกำลัง พวงมาลัย ระบบ Adaptive cruise control และสีของมาตรวัดได้อย่างอิสระ อีกทั้งโหมดการขับขี่แบบสปอร์ต (Sport Mode) โหมดการขับขี่แบบปกติ (Normal Mode) และ โหมดการขับขี่แบบประหยัด (Econ Mode)

ระบบความปลอดภัย

ฮอนด้า แอคคอร์ด อี:เอชอีวี ใหม่ ทุกรุ่นย่อยมาพร้อมเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ Honda SENSING ที่ได้รับการพัฒนาใหม่เพื่อมอบประสิทธิภาพที่ดียิ่งขึ้น ผสานการทำงานของกล้องมุมกว้างด้านหน้าและเรดาร์ ในการตรวจจับรถยนต์ รถจักรยานยนต์ จักรยาน และคนเดินถนนได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีฟังก์ชันการทำงานหลัก ๆ ดังนี้

•              ระบบเตือนการชนพร้อมระบบช่วยเบรก (Collision Mitigation Braking System: CMBS)

•              ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ (Lane Keeping Assist System: LKAS)

•              ระบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ (Road Departure Mitigation System with Lane Departure Warning: RDM with LDW)

•              ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน พร้อมระบบปรับความเร็วตามรถยนต์คันหน้าที่ความเร็วต่ำ (Adaptive Cruise Control with Low-Speed Follow: ACC with LSF) โดยระบบยังสามารถปรับลักษณะการเร่งความเร็วได้ตามโหมด ACC ที่เลือก ซึ่งถือเป็นครั้งแรกใน แอคคอร์ด ใหม่

•              ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Auto High-Beam: AHB)

•              ใหม่ ครั้งแรกใน แอคคอร์ด กับระบบไฟหน้า LED อัจฉริยะ (Adaptive Driving Beam: ADB) (เฉพาะรุ่น e:HEV RS)

•              ใหม่ ครั้งแรกใน แอคคอร์ด กับ ระบบเตือนเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนที่ (Lead Car Departure Notification System: LCDN)

พร้อมด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยอันล้ำสมัยและเทคโนโลยีเพื่อการขับขี่อื่น ๆ* อาทิ

•              สวิตช์ควบคุมโหมดการขับขี่ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า (EV Switch) ซึ่งติดตั้งอยู่บริเวณคอนโซลกลาง ที่ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถเข้าถึงอารมณ์การขับขี่ด้วยไฟฟ้า โดยมีการเพิ่ม Charge Mode เข้ามาเป็นครั้งแรกใน แอคคอร์ด ซึ่งเป็นโหมดที่จะชาร์จแบตเตอรี่ ในขณะที่รถวิ่งด้วยน้ำมัน โดยการวิ่ง 1 นาทีที่ความเร็ว 100 กม./ชม. จะสามารถชาร์จไฟเพิ่ม เพื่อสามารถขับเคลื่อนด้วยระบบ EV เป็นระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตร นอกจากนี้ยังมีการเพิ่มแรงขับเคลื่อนของ EV ในช่วงความเร็วไม่เกิน 50 กม./ชม. ซึ่งเหมาะแก่การวิ่งในย่านชุมชน เพื่อยืดระยะของการวิ่งด้วย EV ให้ยาวนานขึ้น

•              ระบบกล้องมองภาพรอบทิศทาง (Multi-view Camera System: MVCS) (รุ่น e:HEV EL และ e:HEV RS)

•              ไฟส่องสว่างด้านข้างอัตโนมัติขณะเลี้ยว (Active Cornering Light: ACL) (เฉพาะรุ่น e:HEV RS)

•              ใหม่ ระบบเพิ่มความเสถียรและความคล่องตัวในการขับขี่ (Motion Management System: MMS)

•              ถุงลม 8 ตำแหน่ง ได้แก่ ถุงลมคู่หน้า ถุงลมด้านข้างคู่หน้า ม่านถุงลมด้านข้าง และ ใหม่ ถุงลมหัวเข่าคู่หน้า

•              เซ็นเซอร์กะระยะหน้า 4 จุด และ หลัง 4 จุด (รุ่น e:HEV EL และ e:HEV RS)

•              ระบบช่วยชะลอความเร็วรถที่พวงมาลัย (Deceleration Paddle Selectors)

•              ใหม่ ไฟเตือนเบาะนั่งด้านหลัง (Rear Seat Reminder)

•              ระบบเตือนคาดเข็มขัดนิรภัยผู้โดยสารด้านหน้า และ ใหม่ ระบบเตือนคาดเข็มขัดนิรภัยผู้โดยสารด้านหลัง

•              ระบบควบคุมเสียงรบกวนเข้าห้องโดยสาร (ANC) และ ใหม่ รุ่น e:HEV RS มาพร้อมเซนเซอร์ตรวจจับเสียงรบกวนจากพื้นถนน (Road noise ANC)

•              ระบบแสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (Honda LaneWatch)

ระบบสาระบันเทิง

เชื่อมต่ออันล้ำสมัย รองรับสมาร์ตไลฟ์สไตล์ ผสานผู้ใช้งานกับรถได้อย่างลงตัว

•              ใหม่ ครั้งแรกของรถยนต์ฮอนด้า ที่มาพร้อม Google built-in ที่มาพร้อมแอปและบริการของ Google ได้แก่ Google Assistant, Google Maps และ Google Play

•              ใหม่ ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 12.3 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สาย และรองรับระบบสั่งการด้วยเสียง Siri และ Android Auto

•              ระบบแสดงข้อมูลบนกระจกหน้า (Head-up Display: HUD) ขนาด 11.5 นิ้ว (รุ่น e:HEV EL และ e:HEV RS)

•              มาตรวัดพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ขนาด 10.2 นิ้ว ซึ่งเป็นจอแบบ Full Graphic LCD ที่สามารถแสดงผลทั้งการทำงานของเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ Honda SENSING ข้อมูลการขับขี่ และข้อมูลต่าง ๆ ของตัวรถ ในรูปแบบของกราฟิกขนาดใหญ่ นอกจากนี้ยังสามารถแสดงผลการทำงานของ Maps ได้เต็มหน้าจออีกด้วย ช่วยอำนวยความสะดวกสบาย แม้จะมีการทำงานของระบบแสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (Honda LaneWatch) ก็ไม่รบกวนการนำทางบนหน้าจอ

•              ใหม่ ช่องเชื่อมต่อ USB type C 4 ตำแหน่ง ได้แก่ ด้านหน้า 2 ตำแหน่ง และด้านหลัง 2 ตำแหน่ง

•              ใหม่ ครั้งแรกของรถยนต์ฮอนด้า กับฟังก์ชันการอัปเดตซอฟต์แวร์ Over-The-Air (OTA) ช่วยให้ผู้ใช้รถไม่เพียงสามารถอัปเดตระบบ Infotainment แต่ยังสามารถอัปเดตการทำงานของ ECU จากทางไกลได้ ผ่านทางระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 12.3 นิ้ว และผ่านทางแอปพลิเคชันในสมาร์ตโฟน เพิ่มความสะดวกสบายโดยที่ไม่ต้องเข้าไปยังศูนย์บริการ

•              ใหม่ ครั้งแรกของรถยนต์ฮอนด้า ที่ระบบเชื่อมต่อ Honda CONNECT มาพร้อมเทคโนโลยี Digital Key โดย ฮอนด้า คอนเนค (Honda CONNECT) เทคโนโลยีเชื่อมต่อเพื่อการสื่อสารระหว่างผู้ขับขี่และรถยนต์ ทำงานผ่านแอปพลิเคชันบนสมาร์ตโฟน มาพร้อมหลากหลายฟังก์ชันการทำงานที่จะช่วยอำนวยความสะดวก และเพิ่มความปลอดภัยตลอดการเดินทาง ได้แก่

1.             My Service ตรวจสอบประวัติการเข้ารับบริการ รวมทั้งการประเมินรายการอะไหล่และค่าใช้จ่ายเบื้องต้น โดยจะมีการแจ้งเตือนกำหนดการเข้ารับบริการครั้งต่อไป

2.             Car Log ข้อมูลการขับขี่จะประกอบด้วยพฤติกรรมการขับขี่ ที่สามารถแสดงผลเป็นรายวัน รายเดือน หรือรายปี และ บันทึกการเดินทาง ที่สามารถเลือกทริปโปรด และแชร์ผ่านโซเชียลมีเดีย เช่น ไลน์ อินสตาแกรม เฟซบุ๊ก และทวิตเตอร์ เป็นต้น

3.             Wi-Fi สามารถเชื่อมต่อสัญญาณอินเทอร์เน็ตไร้สายจากรถยนต์ โดยจะใช้งานได้พร้อมกันสูงสุดถึง

5 อุปกรณ์ มีระยะการส่งสัญญาณห่างจากตัวรถยนต์อยู่ที่ 40 เมตร โดยต้องไม่มีสิ่งกีดขวาง เพิ่มความสะดวกสบายให้ผู้ขับขี่ด้วยการช่วยเหลือจากฟีเจอร์ Google built-in (Google Assistant, Google Maps และ Google Play)

*ลูกค้าสามารถสมัครแพ็กเกจอินเทอร์เน็ตจากผู้ให้บริการเครือข่าย (เอไอเอส) โดยลูกค้าจะเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่าย

4.             Airbag Deployment เมื่อเกิดอุบัติเหตุและถุงลมทำงาน กล่องอุปกรณ์ TCU จะส่งสัญญาณเตือนให้ทราบทันทีผ่านทางแอปพลิเคชัน พร้อมทั้งส่งข้อมูลไปยังศูนย์บริการข้อมูลฮอนด้าเพื่อทำการติดต่อไปยังเบอร์โทรศัพท์ที่ลงทะเบียนไว้ หรือเบอร์โทรฉุกเฉินที่ลูกค้าผู้ใช้งานระบุไว้ในระบบ เพื่อทำการประสานงานให้ความช่วยเหลือขั้นต้น

5.             Car Status แจ้งเตือนสถานะรถยนต์ เมื่อเกิดความผิดปกติจากระบบของรถยนต์ และ แจ้งเตือนสัญญาณกันขโมย เมื่อเกิดความผิดปกติกับรถยนต์จากภายนอก เช่น การเปิดประตู กระโปรงหน้า และฝากระโปรงท้ายของรถยนต์อย่างผิดปกติ

6.             Remote Vehicle Control สามารถสั่งการล็อก และปลดล็อกประตูทั้งหมด อีกทั้งยังสามารถสั่งสตาร์ตเครื่องยนต์ พร้อมทั้งตั้งค่าระดับอุณหภูมิของระบบปรับอากาศในรถยนต์ และสั่งการดับเครื่องยนต์

ยิ่งไปกว่านั้นยังสามารถสั่งเปิดสัญญาณไฟ ทั้งไฟหน้าและไฟท้าย และ ใหม่ สามารถสั่งการเปิดเสียงแตรรถยนต์ โดยผู้ใช้งานจะต้องกำหนดรหัสส่วนตัวเป็นตัวเลข 4 หลัก (PIN) และจะต้องป้อนรหัสส่วนตัวทุกครั้งก่อนการใช้งาน

7.             Geo Fence & Speed Alert สามารถกำหนดขอบเขตการขับขี่รถยนต์ทั้งเข้าและออกตามพื้นที่ที่กำหนดไว้ และยังสามารถตั้งค่าการแจ้งเตือนความเร็วตามกำหนดได้อีกด้วย

8.             Find My Car สามารถตรวจสอบพิกัดรถยนต์ โดยระบบจะส่งพิกัดรถยนต์บนแผนที่ล่าสุด แสดงผล

บนแอปพลิเคชัน ซึ่งผู้ใช้งานจะต้องใส่รหัสส่วนตัว 4 หลัก (PIN) ก่อนการใช้งาน

9.             ใหม่ Light Collision Notification การแจ้งเตือนการชนเบา/ไม่รุนแรง ช่วยแจ้งเตือนและให้ความช่วยเหลือผู้ขับขี่ในกรณีเกิดอุบัติเหตุ

10.          ใหม่ Navigation Data Wipe การล้างข้อมูลการนำทาง โดยสามารถล้างข้อมูลส่วนตัวที่ถูกบันทึกไว้ในรถ เช่น ข้อมูลเสียง ข้อมูลระบบนำทาง หรือ รีเซ็ตการตั้งค่าให้กลับไปเป็นค่าเริ่มต้นจากโรงงาน

11.          ใหม่ Recall notification การแจ้งเตือนและเรียกคืนผลิตภัณฑ์ที่มีปัญหาคุณภาพจากลูกค้า

12.          ใหม่ Remote Immobilizer ระบบกุญแจนิรภัย IMMOBILIZER พร้อมสัญญาณกันขโมย ช่วยป้องกันรถถูกโจรกรรม และในกรณีที่รถถูกโจรกรรม สามารถระงับการสตาร์ตเครื่องยนต์และการเคลื่อนที่ของรถผ่านทางแอปพลิเคชันได้ผ่านแอปพลิเคชันบนสมาร์ตโฟน

13.          ใหม่ Digital Key กุญแจอัจฉริยะ ช่วยอำนวยความสะดวกให้สามารถสั่งการต่าง ๆ ผ่านแอปพลิเคชัน Honda CONNECT บนสมาร์ตโฟนได้ เช่น ใช้สมาร์ตโฟนเป็นเสมือนกุญแจรถ โดยลูกค้าสามารถสั่งงานปลดล็อกประตูหรือสตาร์ตเครื่องยนต์ผ่านฟีเจอร์นี้ได้ แจ้งเตือนลูกค้าในกรณีลืมล็อกประตูและกำลังเดินออกห่างจากตัวรถ เป็นต้น

รุ่นและสี

ฮอนด้า แอคคอร์ด อี:เอชอีวี ใหม่ มีให้เลือกทั้งหมด 3 รุ่นย่อย ได้แก่

•              รุ่น e:HEV RS    ราคา 1,799,000 บาท            

•              รุ่น e:HEV EL    ราคา 1,669,000 บาท (คันทดสอบ)

•              รุ่น e:HEV E     ราคา 1,529,000 บาท

สีภายนอกมีให้เลือกทั้งหมด 4 สี ได้แก่ สีขาวแพลทินัม (มุก) สีเงินลูนาร์ (เมทัลลิก) สีเทาเมทิเออรอยด์  (เมทัลลิก) และสีดำคริสตัล (มุก) พร้อมภายในสีดำ และสีดำตกแต่งด้วยด้ายสีแดง (เฉพาะรุ่น e:HEV RS) เสริมความมั่นใจในการใช้งานยิ่งขึ้น ด้วยการรับประกันอายุการใช้งานแบตเตอรี่ไฮบริด 10 ปี และรับประกันระบบไฮบริดทั้งระบบ 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง พร้อมบริการหลังการขายที่ได้มาตรฐาน และทีมงานที่เชี่ยวชาญและมากประสบการณ์ด้าน e:HEV (e:HEV Expert) จากเครือข่ายศูนย์บริการฮอนด้าที่ได้มาตรฐานและครบวงจรครอบคลุมทั่วประเทศ

Exit mobile version