ฟอร์ด เอเวอเรสต์ เจเนอเรชันใหม่ โชว์สมรรถนะเหนือชั้น เทคโนโลยีล้ำสมัยและความสะดวกสบายครบครัน ให้ผู้ขับขี่พร้อมพิชิตทุกการผจญภัย

        ฟอร์ด เอเวอเรสต์ เจเนอเรชันใหม่ สัมผัสประสบการณ์การขับขี่รถยนต์นั่งแบบอเนกประสงค์รุ่นล่าสุดจากฟอร์ดที่ผสานสุดยอดสมรรถนะเพื่อพิชิตทุกการผจญภัยทั้งบนทางเรียบและออฟโรด เข้ากับอุปกรณ์เพื่อความปลอดภัย ความสะดวกสบายเหนือระดับและเทคโนโลยีล้ำสมัย กิจกรรมทดสอบขับรถภายใต้แนวคิด ‘Life is Yours to Master’ จัดขึ้นที่จังหวัดกาญจนบุรี เพื่อเปิดโอกาสให้สื่อมวลชนได้สัมผัสสมรรถนะของรถยนต์รุ่นใหม่ และทดสอบการทำงานของหลายๆ ฟีเจอร์ในฟอร์ด เอเวอเรสต์ เจเนอเรชันใหม่ ที่ติดตั้งมาเป็นครั้งแรกในเซกเมนต์


ภายนอก

  • ไฟหน้า พร้อมระบบเปิด-ปิด ไฟหน้าอัตโนมัติแบบ LED รีเฟลกเตอร์
  • ไฟวิ่งกลางวันแบบ LED รูป C-Clamp
  • ไฟตัดหมอกหน้าแบบ LED
  • ไฟท้ายแบบ LED
  • ราวหลังคาสีดำ
  • บันไดข้างสีดำ
  • กระจกมองข้างปรับและพับไฟฟ้าพร้อมไฟเลี้ยว
  • มือจับประตูภายนอก / กระจกมองข้างสีเดียวกับตัวรถ
  • ไฟหน้า พร้อมระบบเปิด-ปิด ไฟหน้าอัตโนมัติแบบ LED รีเฟลกเตอร์
  • ไฟวิ่งกลางวันแบบ LED รูป C-Clamp
  • ไฟตัดหมอกหน้าแบบ LED
  • ไฟท้ายแบบ LED Signature
  • ระบบปิดนํ้าฝนแบบอัตโนมัติ
  • ราวหลังคาสีดำ
  • บันไดข้างสีดำ
  • กระจกมองข้างปรับและพับไฟฟ้าพร้อมไฟเลี้ยว
  • ประตูท้ายเปิด-ปิด ด้วยไฟฟ้าแบบแฮนด์ฟรี
  • มือจับประตูภายนอก / กระจกมองข้างสีดำเงา
  • ชุดแต่งภายนอกสีดำสปอร์ต
  • โลโก้ EVEREST ติดฝากระโปรงหน้าสีดำเงา
  • ไฟหน้าพร้อมระบบเปิด-ปิด ไฟหน้าอัตโนมัติแบบ LED รีเฟลกเตอร์
  • ไฟวิ่งกลางวันแบบ LED รูป C-Clamp
  • ไฟตัดหมอกหน้าแบบ LED
  • ไฟท้ายแบบ LED Signature
  • ไฟส่องสว่างข้างตัวรถ
  • ระบบปิดนํ้าฝนแบบอัตโนมัติ
  • หลังคา Panoramic Moonroof
  • ราวหลังคาสีเงินแบบโครเมียม
  • บันไดข้างสีดำพร้อมชุดตกแต่งสีเงิน
  • กระจกมองข้างปรับและพับไฟฟ้าพร้อมไฟเลี้ยว
  • ประตูท้ายเปิด-ปิด ด้วยไฟฟ้าแบบแฮนด์ฟรี
  • มือจับประตูภายนอก / กระจกมองข้างเป็นโครเมียม
  • ไฟหน้า พร้อมระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ แบบ Matrix LED พร้อมระบบปรับมุมลำแสงไฟอัตโนมัติและระบบป้องกันไฟแยงตา
  • ไฟวิ่งกลางวันแบบ LED รูป C-Clamp
  • ไฟตัดหมอกหน้าแบบ LED
  • ไฟท้ายแบบ LED Signature
  • ไฟส่องสว่างข้างตัวรถ
  • ระบบปิดนํ้าฝนแบบอัตโนมัติ
  • หลังคา Panoramic Moonroof
  • ราวหลังคาสีเงินแบบโครเมียม
  • บันไดข้างสีดำพร้อมชุดตกแต่งสีเงิน
  • กระจกมองข้างปรับและพับไฟฟ้าพร้อมไฟเลี้ยว
  • ประตูท้ายเปิด-ปิด ด้วยไฟฟ้าแบบแฮนด์ฟรี
  • มือจับประตูภายนอก / กระจกมองข้างเป็นโครเมียม

ดีไซน์ที่สุดแห่งความ Comfort and Convenience

  • หน้าจอแสดงผลบนหน้าปัดขนาด 8 นิ้ว
  • กุญแจรีโมตอัจฉริยะพร้อมปุ่มสตาร์ตรถอัตโนมัติ
  • ระบบเปิด-ปิดกระจกสัมผัสเดียวเฉพาะด้านคนขับและผู้โดยสารตอนหน้า
  • กระจกมองหลังแบบปรับลดแสง
  • ระบบปรับอากาศสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง พร้อมสวิตช์ควบคุม
  • เบาะหนัง และ หนังสังเคราะห์สีดำ
  • เบาะนั่งปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง เฉพาะฝั่งคนขับ
  • เบาะแถวที่ 2 ปรับเอนและสามารถเลื่อนตำแหน่งหน้า-หลังได้
  • เบาะแถวที่ 3 พับได้
  • แผงบังแดดคู่หน้า พร้อมที่เสียบนามบัตรด้านคนขับ และกระจกด้านผู้โดยสารตอนหน้า
  • ไฟอ่านแผนที่และไฟส่องสว่างภายในรถ
  • ช่องเก็บแว่นตา
  • ช่องต่อไฟ 12V 3 ตำแหน่ง บริเวณที่วางแขน, เบาะแถวที่ 2 และที่เก็บสัมภาระ
  • Wireless Charger
  • ล้ออัลลอยด์ 18 นิ้ว พร้อมยางขนาด 255/65 R18
  • หน้าจอแสดงผลบนหน้าปัดขนาด 8 นิ้ว
  • กุญแจรีโมตอัจฉริยะพร้อมปุ่มสตาร์ตรถอัตโนมัติ
  • ระบบเปิด-ปิดกระจกสัมผัสเดียวเฉพาะด้านคนขับและผู้โดยสารตอนหน้า
  • ช่องต่อ USB ที่กระจกมองหลัง
  • กระจกมองหลังแบบปรับลดแสงแบบอัตโนมัติ
  • ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติแยกอิสระซ้าย-ขวา
  • ระบบปรับอากาศสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง พร้อมสวิตช์ควบคุม
  • เบาะหนัง และ หนังสังเคราะห์สีดำลายสปอร์ต
  • เบาะนั่งปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง ด้านคนขับและผู้โดยสารตอนหน้า
  • เบาะแถวที่ 2 ปรับเอนและสามารถเลื่อนตำแหน่งหน้า-หลังได้
  • เบาะแถวที่ 3 พับได้
  • แผงบังแดดคู่หน้า แบบปรับระยะพร้อมกระจกและไฟส่องสว่าง ด้านคนขับและผู้โดยสารตอนหน้า
  • ไฟอ่านแผนที่และไฟส่องสว่างภายในรถ
  • ช่องเก็บแว่นตา
  • ช่องต่อไฟ 12V 3 ตำแหน่ง บริเวณที่วางแขน, เบาะแถวที่ 3 และที่เก็บสัมภาระ
  • Wireless Charger
  • ชุดแต่งภายในสปอร์ต
  • ล้ออัลลอย 20 นิ้ว พร้อมยางขนาด 255/55 R20
  • หน้าจอแสดงผลบนหน้าปัดขนาด 12.4 นิ้ว
  • กุญแจรีโมตอัจฉริยะพร้อมปุ่มสตาร์ตรถอัตโนมัติ
  • ระบบเปิด-ปิดกระจกสัมผัสเดียวทุกบาน
  • ช่องต่อ USB ที่กระจกมองหลัง
  • กระจกมองหลังแบบปรับลดแสงแบบอัตโนมัติ
  • ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติแยกอิสระซ้าย-ขวา
  • ระบบปรับอากาศสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง พร้อมสวิตช์ควบคุม
  • เบาะหนัง และ หนังสังเคราะห์สีดำ
  • เบาะนั่งปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง ด้านคนขับและผู้โดยสารตอนหน้า
  • เบาะแถวที่ 2 ปรับเอนและสามารถเลื่อนตำแหน่งหน้า-หลังได้
  • เบาะแถวที่ 3 พับได้แบบไฟฟ้า
  • ไฟตกแต่งภายในห้องโดยสาร
  • แผงบังแดดคู่หน้า แบบปรับระยะพร้อมกระจกและไฟส่องสว่าง ด้านคนขับและผู้โดยสารตอนหน้า
  • ไฟอ่านแผนที่และไฟส่องสว่างภายในรถ
  • ช่องเก็บแว่นตา
  • ช่องต่อไฟ 12V 3 ตำแหน่ง บริเวณที่วางแขน, เบาะแถวที่ 3 และที่เก็บสัมภาระ
  • ช่องต่อไฟ 230V 1 ตำแหน่ง เบาะแถวที่ 2
  • Wireless Charger
  • ล้ออัลลอย 20 นิ้ว พร้อมยางขนาด 255/55 R20
  • หน้าจอแสดงผลบนหน้าปัดขนาด 12.4 นิ้ว
  • กุญแจรีโมตอัจฉริยะพร้อมปุ่มสตาร์ตรถอัตโนมัติ
  • ระบบเปิด-ปิดกระจกสัมผัสเดียวทุกบาน
  • ช่องต่อ USB ที่กระจกมองหลัง
  • กระจกมองหลังแบบปรับลดแสงแบบอัตโนมัติ
  • ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติแยกอิสระซ้าย-ขวา
  • ระบบปรับอากาศสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง พร้อมสวิตช์ควบคุม
  • เบาะหนัง และ หนังสังเคราะห์สีดำ
  • เบาะนั่งปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง ด้านคนขับและผู้โดยสารตอนหน้า
  • เบาะแถวที่ 2 ปรับเอนและสาร
  • ไฟตกแต่งภายในห้องโดยสาร
  • แผงบังแดดคู่หน้า แบบปรับระยะพร้อมกระจกและไฟส่องสว่าง ด้านคนขับและผู้โดยสารตอนหน้า
  • ไฟอ่านแผนที่และไฟส่องสว่างภายในรถ
  • ช่องเก็บแว่นตา
  • ช่องต่อไฟ 12V 3 ตำแหน่ง บริเวณที่วางแขน, เบาะแถวที่ 3 และที่เก็บสัมภาระ
  • ช่องต่อไฟ 230V 1 ตำแหน่ง เบาะแถวที่ 2
  • Wireless Charger
  • ล้ออัลลอย 20 นิ้ว พร้อมยางขนาด 255/55 R20

       เทคโนโลยีที่ฟอร์ดพัฒนาขึ้นเพื่อมอบทั้งความอเนกประสงค์และความสะดวกสบายในสถานี ‘Comfort and Convenience’ โดยมีฟีเจอร์เด่นๆ อาทิ

ระบบเครื่องเสียงและการเชื่อมต่อ

ความปลอดภัย

        เทคโนโลยีช่วยในการขับขี่ขั้นสูง ที่ติดตั้งมาเพื่อเสริมความมั่นใจของผู้ขับขี่ และช่วยให้ควบคุมรถได้ดียิ่งขึ้นในหลากหลายสถานการณ์ ได้แก่

การขับขี่ที่แข็งแกร่ง

   

       ในทั้ง 4 รุ่น มีความกว้าง x ยาว x สูง เท่ากัน คือ 1923 x 4914 x 1842 มม. และระยะช่วงล้อที่ 2900 มม. สำหรับ Trend และ Sport ใช้เครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร 4 สูบแถวเรียง 16 วาล์ว เทอร์โบชาร์จเจอร์ พร้อมอินเตอร์คูลเลอร์ มีกำลังสูงสุด 170 แรงม้า 3500 รอบ/นาที และแรงบิด 405 นิวตันเมตร 1750-2500 รอบ/นาที และขับเคลื่อน 2 ล้อ พร้อมระบบเลือกโหมดการขับขี่ 4 โหมด โดยการขับเคลื่อนแบบนี้มีในรุ่น Titanium+ 4×2 ด้วยเช่นกัน

         ส่วนรุ่น Titanium+ 4×2 และ Titanium+ 4×4 ใช้ครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร 4 สูบแถวเรียง 16 วาล์ว เทอร์โบชาร์จเจอร์คู่ พร้อมอินเตอร์คูลเลอร์ มีกำลังสูงสุด 210 แรงม้า 3750 รอบ/นาที และแรงบิด 500 นิวตันเมตร 1750-2500 รอบ/นาที โดยในรุ่น 4×4 ใช้การับเคลื่อน 4 ล้อ Terrain Management System พรhอมระบบเลือกโหมดการขับขี่ 6 โหมด

         Trend และ Sport ใช้เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด Titanium+ 4×2 ใช้เกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด และ Titanium+ 4×4 เป็นเกียร์อัตโนมัติแบบ Electronic Shifter 10 สปีด

          ทั้ง 4 รุ่น มีระบบกันสะเทือนหน้าแบบอิสระปีกนก 2 ชั้น พร้อมคอยล์สปริงและเหล็กกันโคลง ส่วนระบบกันสะเทือนหลังเป็นแบบคอยล์สปริงพร้อมวัตต์ลิงก์และเหล็กกันโคลง ในส่วนของระบบเบรกหน้าเป็นดิสก์เบรก พร้อมครีบระบายความร้อน และเบรกหลังเป็นดิสก์เบรก มาพร้อมระบบบังคับเลี้ยวแบบพาวเวอร์แบบช่วยผ่อนแรงด้วยไฟฟ้า

         โหมดปกติ: ออกแบบเพื่อการใช้งานในชีวิตประจำวัน ทดสอบคู่กับระบบควบคุมความเร็วแบบรักษาระยะห่างอัตโนมัติพร้อมฟังก์ชัน Stop and Go และระบบควบคุมรถให้อยู่กลางช่องทางที่ช่วยตรวจสอบช่องทางจราจรเพื่อให้รถอยู่ตรงกลางเลน ช่วยให้ผู้ขับขี่รักษาระยะห่างที่ปลอดภัย และจำกัดความเร็วได้ดียิ่งขึ้น โดยเฉพาะขณะขับขี่บนทางไฮเวย์ หรือเส้นทางที่ใช้ความเร็วสูงและมีรถพลุกพล่าน

         โหมดประหยัด:  ทำงานด้วยการประเมินพฤติกรรมการขับขี่ และปรับการทำงานของระบบส่งกำลังและระบบควบคุมความเร็วให้เหมาะสม เพื่อเพิ่มอัตราการประหยัดน้ำมันให้ได้สูงสุด

        โหมดทางลื่น: ปรับการทำงานของเครื่องยนต์ เกียร์ และระบบควบคุมการยึดเกาะถนน เพื่อลดโอกาสที่ล้อจะหมุนฟรี ป้องกันการลื่นไถล

        โหมดโคลน: ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ผิวที่ปกคลุมด้วยโคลน กรวด หรือร่องดิน ฟอร์ด เอเวอเรสต์ เจเนอเรชันใหม่ พร้อมตะลุยผ่านได้อย่างมั่นใจด้วยระบบดิฟล็อคหลังไฟฟ้าที่ทำงานแบบอัตโนมัติในโหมดนี้ พร้อมเพิ่มการยึดเกาะให้เต็มประสิทธิภาพและรักษากำลังของรถไว้ ควบคู่กับการปล่อยให้ล้อหมุนด้วยความเร็วเพื่อรีดโคลนออกจากดอกยาง ผู้เข้าร่วมการทดสอบยังได้ขับฟอร์ด เอเวอร์เรสต์ เจเนอเรชันใหม่ลุยผ่านทางน้ำได้อย่างง่ายดาย ด้วยความสามารถในการลุยน้ำได้สูงสุดถึง 800  มม. และทัศนวิสัยที่เพิ่มขึ้นจากกล้องมองรอบคัน 360 องศา

ราคาและรุ่น

      ฟอร์ด เอเวอเรสต์ เทรนด์ 4×2 6AT  ราคาอยู่ที่ 1,334,000 บาท มาพร้อมสีเงิน อลูมิเนียม เมทัลลิก, สีเทา เมทิออร์ เกรย์, สีดำ แอบโซลูท แบล็ก, สีน้ำตาล อีควิน็อกซ์ บรอนซ์, สีขาว สโนว์เฟลค ไวท์ เพิร์ล และสีส้ม เซโดนา ออเรนจ์    

      ฟอร์ด เอเวอเรสต์ สปอร์ต 4×2 6AT ราคาค่าตัว 1,464,000 บาท มาพร้อมสีเงิน อลูมิเนียม เมทัลลิก, สีเทา เมทิออร์ เกรย์, สีดำ แอบโซลูท แบล็ก, สีน้ำเงิน บลู ไลท์นิ่งและสีน้ำตาล อีควิน็อกซ์ บรอนซ์ ในส่วนของสีขาว สโนว์เฟลค ไวท์ เพิร์ล และสีส้ม เซโดนา ออเรนจ์ เพิ่มค่าตัวอีก 12,000 บาท

       ฟอร์ด เอเวอเรสต์ ไทเทเนียมพลัส 4×2 10AT ราคาจำหน่าย 1,704,000 บาท มาพร้อมสีเงิน อลูมิเนียม เมทัลลิก, สีเทา เมทิออร์ เกรย์, สีดำ แอบโซลูท แบล็ก และสีน้ำตาล อีควิน็อกซ์ บรอนซ์ สำหรับสีสีขาว สโนว์เฟลค ไวท์ เพิร์ล และสีส้ม เซโดนา ออเรนจ์ เพิ่มค่าตัวอีก 12,000 บาท ปรับแต่งด้วยภายในสีครีมพราลีนในค่าตัว 10,000 บาท

       ฟอร์ด เอเวอเรสต์ ไทเทเนียมพลัส 4×4 10AT ราคา 1,854,000 บาท มากับสีเงิน อลูมิเนียม เมทัลลิก, สีเทา เมทิออร์ เกรย์, สีดำ แอบโซลูท แบล็ก และ สีน้ำตาล อีควิน็อกซ์ บรอนซ์ สำหรับสีขาว สโนว์เฟลค ไวท์ เพิร์ล และสีส้ม เซโดนา ออเรนจ์ เพิ่มค่าตัวอีก 12,000 บาท รับเปลี่ยนภายในด้วยสีครีมพราลีนเพิ่มค่าตัวอีก 10,000 บาท และแต่งชุดแผ่นโลหะกันกระแทกใต้ท้องรถอีก 5,000 บาท

Exit mobile version