“ซูซูกิ” เผยยอดจำหน่ายรถยนต์ ปี 2560 ทะลุ 25,011 คัน เติบโตเกินเป้า 9% เตรียมเปิดตัวรถรุ่นใหม่ตอกย้ำภาพลักษณ์ผู้นำอีโคคาร์

          ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ปิดเผยคตัวเลขในยอดขายรถยนต์ในปี 2560 รวมทั้งสิ้น 25,011 คัน ทะลุเป้าหมายที่เคยวางไว้ 24,000 คัน เติบโตเพิ่มขึ้นถึง 9% เมื่อเทียบกับปี 2559 ที่ผ่านมา ทำให้มีส่วนแบ่งทางการตลาดในกลุ่มรถยนต์นั่งกว่า 6.4% จากยอดจำหน่ายรวมในตลาดรถยนต์นั่งทั้งหมด 345,501 คัน

          ความสำเร็จของปี 2560 ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากความนิยมที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องของ ซูซูกิ เซียส รถยนต์อีโคคาร์พรีเมียม ซึ่งให้ความคุ้มค่าทั้งด้านความปลอดภัยและการประหยัดพลังงาน มีจุดเด่นที่เหนือกว่ารถซีดานในระดับเดียวกัน ตั้งแต่ดีไซน์ที่มีความภูมิฐานหรูหราสง่างาม ห้องโดยสารกว้างขวาง และเหนือชั้นด้วยสมรรถนะการขับขี่ผสานประสิทธิภาพการประหยัดน้ำมันที่ดีเยี่ยม อีกทั้งเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยในปี 2560 ซูซูกิ เซียส มียอดจำหน่ายอยู่ที่ 12,298 คัน เติบโตขึ้น 129% เมื่อเทียบกับปี 2559 ที่ผ่านมา สำหรับซูซูกิ สวิฟท์ อีโคคาร์สายพันธุ์สปอร์ต ยังคงเป็นรถที่ได้รับความนิยม มียอดจำหน่ายสูงถึง 8,080 คัน

          ซูซูกิ แครี่ รถกระบะอเนกประสงค์เพื่อการพาณิชย์สุดคุ้มค่า มียอดจำหน่ายอยู่ที่ 2,931 คัน ซูซูกิ เออร์ติก้า ที่สุดของรถยนต์อเนกประสงค์ 3 แถว 7 ที่นั่ง ดีไซน์สปอร์ต มียอดจำหน่ายอยู่ที่ 780 คัน และ ซูซูกิ เซเลริโอ รถยนต์นั่งขนาดคอมแพ็คคุณภาพเกินตัว มียอดจำหน่ายอยู่ที่ 922 คัน

           สำหรับตลาดรถยนต์ในกลุ่มอีโคคาร์มียอดจำหน่ายรวมทั้งหมดในปี 2560 อยู่ที่ 156,239 คัน ซึ่งซูซูกิมียอดจำหน่ายรวมเฉพาะรถยนต์อีโคคาร์จำนวน 21,300 คัน เติบโตขึ้นถึง 13.39% และมีส่วนแบ่งทางการตลาดของรถในกลุ่มนี้อยู่ที่ 13.63% จากการที่แนวโน้มของสถานการณ์ตลาดรถยนต์ที่มีทิศทางดีขึ้นเชื่อาในปี 2561  ซูซูกิ ก็จะสามารถสร้างการเติบโตได้ดีขึ้นด้วยเช่นกัน

            นายวัลลภ ตรีฤกษ์งาม กรรมการบริหารด้านการขายและการตลาด บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า  “การเติบโตอย่างแข็งแกร่งสวนกระแสกับทิศทางของตลาดรถยนต์ในประเทศไทย เกิดจากแรงขับเคลื่อนอันสำคัญในหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการพัฒนาคุณภาพสินค้า สร้างการรับรู้และการยอมรับให้กับผู้บริโภคได้เข้าใจอย่างชัดเจนถึงการเลือกใช้งานอีโคคาร์ที่มีความครบครันและคุ้มค่า

            ที่ผ่านมาซูซูกิได้มีการปรับปรุงรถยนต์เกือบทุกรุ่นให้มีความสดใหม่และตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า ควบคู่ไปกับการการเดินหน้าเพิ่มเครือข่ายโชว์รูมและศูนย์บริการครบ 120 แห่ง เพื่อรองรับงานบริการลูกค้าได้อย่างครอบคุลมทั่วประเทศ  โดยผู้จำหน่ายรถยนต์ซูซูกิทุกแห่งยังคงมุ่งเน้นในการสร้างงานบริการหลังการขายอันเป็นเลิศ ด้วยการยึดมั่นแนวคิด 3S คือ Sales, Service, Spare Parts  ส่งผลให้ในปีที่ผ่าน จากผลสำรวจการศึกษาวิจัยดัชนีด้านบริการงานขายของกลุ่มรถยนต์แบรนด์ยอดนิยมในประเทศไทย ประจำปี 2560 ของ เจ.ดี. พาวเวอร์ เอเชีย แปซิฟิก (J.D. Power 2017 Thailand SalesSatisfaction Index (SSI) Study,SM) ซูซูกิยังคงสามารถรักษาระดับคะแนนที่สูงกว่าค่าเฉลี่ย และครองอันดับ 4 ด้าน บริการงานขายรถใหม่ในประเทศไทยเป็นปีที่สองติดต่อกัน ด้วยคะแนน 823 คะแนน (คะแนนเต็ม 1,000 คะแนน) ซึ่งขยับเพิ่มสูงขึ้นกว่าในปีที่ผ่านมา 10 คะแนน อีกด้วย”

           นายวัลลภ กล่าวเพิ่มเติมว่า “สำหรับกลยุทธ์การตลาดในปี 2561 ซูซูกิ ยังคงตอกย้ำภาพลักษณ์ความเป็นผู้นำในตลาดรถยนต์อีโคคาร์เมืองไทย ด้วยการสร้างยอดขายและการเติบโตในธุรกิจแบบก้าวกระโดด ผ่านการเปิดตัวสินค้ารุ่นใหม่ โดยในปีนี้จะมีการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ออกสู่ตลาดเมืองไทยถึง 2 รุ่น ซึ่งในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ จะเปิดตัวออกมาสู่สายตาสาธารณชนก่อน 1 รุ่น โดยเชื่อมั่นว่าจะเป็นรถยนต์รุ่นใหม่ที่กลับมาสร้างปรากฎการณ์ให้กับตลาดรถยนต์นั่งขนาดเล็กอีกครั้ง และยังมั่นใจอีกว่าจะเป็นนวตกรรมยานยนต์ที่จะสามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าชาวไทยในทุกด้านได้เป็นอย่างดี  อีกทั้ง ซูซูกิจะยังคงรวมมือกับผู้จำหน่ายในเครือและพันธมิตรทางธุรกิจ นำเสนอสินค้าที่ไม่ใช่มีเพียงแค่การจำหน่ายรถยนต์ แต่ยังคงรวมถึงการบริการต่างๆ ซึ่งมุ่งเน้นไปที่จิตใจของลูกค้าเป็นสำคัญ เพื่อทำให้ลูกค้ามีมุมมองที่ดียิ่งขึ้นเกี่ยวกับคุณค่าของตัวสินค้าและทำให้ลูกค้าเชื่อว่าได้เลือกสิ่งที่ดีที่สุดเมื่อเป็นลูกค้ารถยนต์ซูซูกิ”

Exit mobile version