ใครจะเชื่อว่าตอนนี้ผิวถนนของอังกฤษมีสภาพแย่กว่าประเทศกำลังพัฒนา มาดูว่าคุณจะทำอะไรได้บ้างกับหลุมบ่อ และหาวิธีเรียกร้องความเสียหายที่คุณได้รับจากหลุมเหล่านั้น
รู้หรือไม่ว่าสภาพถนนที่อังกฤษในตอนนี้ใกล้เคียงผิวถนนของประเทศกำลังพัฒนาแค่ไหน แน่ล่ะคุณคงพบเจอเรื่องแย่ๆ เหล่านี้อยู่บ่อยครั้ง โดยนายกรัฐมนตรีอังกฤษกล่าวว่า “4 จาก 5 ของการเดินทางในอังกฤษเป็นการใช้รถยนต์เสียส่วนใหญ่ ซึ่งหากดูจากข้อมูลจะพบว่าคุณภาพถนนของเราถูกจัดในอันดับต่ำกว่าเปอร์โตริโกและนามิเบีย”
ขณะเดียวกันรัฐบาลยังระบุว่าการเก็บภาษีถนนที่เพิ่มจะนำไปซ่อมแซมปรับปรุงสภาพถนน ทว่าการเพิ่มเงินจะช่วยให้ถนนกลับมาเป็นปกติเร็วขึ้นหรือเปล่า? โดยจากคำของผู้เชี่ยวชาญด้านการคมนาคมระบุว่า การซ่อมแซมมีค่าใช้จ่ายถึง 6 แสนล้านบาท และใช้เวลานานเกือบ 13 ปี
ความจริงไม่ใช่แค่สภาพถนนอันย้ำแย่เท่านั้น ทว่าความเสียหายที่ส่งผลต่อรถที่วิ่งผ่านกลับแย่ยิ่งกว่า โดยบริษัทประกันภัยประเมินความเสียหายของรถที่เกิดจากถนนอันย่ำแย่ ซึ่งมีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยที่ 350 ปอนด์ (ราว 17,500 บาท) หรือมากกว่าในบางครั้ง ดังนั้นทีมงาน Whatcar? จึงได้สำรวจสิ่งที่ผู้ใช้รถสามารถเรียกร้องค่าชดเชยเกี่ยวกับสภาพถนนอันย่ำได้ได้
สภาพถนนตอนนี้ย่ำแย่ขนาดไหน?
ถ้าให้พูดก็คงต้องตอบว่าแย่ เห็นได้ง่ายๆ จากงบก้อนมหาศาลที่ใช้ในการซ่อมแซม ซึ่งเม็ดเงินส่วนใหญ่จะถูกนำไปใช้กับการปรับโครงสร้างพื้นฐานของถนน มากกว่าการนำไปซ่อมหลุมบ่อในระยะสั้นแค่นั้น โดยจากข้อมูลที่รวบรวมมาพบว่าเมือง 17 ใน 23 แห่งใช้งบไปกับการปรับสภาพถนนในช่วงปี 2014/15 มากกว่าปีก่อนๆ
ขณะเดียวกันผลสำรวจสภาพถนนประจำปี ที่สอบถามหน่วยงานท้องถิ่นถึงวิธีการจ่ายงบประมาณและสภาพถนนระบุว่า ปีที่ผ่านๆ มาพวกเขามีค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่ไปกับการซ่อมแซมในระยะสั้น
นั่นทำให้เห็นว่าการซ่อมแซมเฉพาะหน้าเป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้ ซึ่งเหตุที่ต้องทำอย่างนั้นมาจากกฎหมายคมนาคมที่ระบุว่า เมื่อมีผู้แจ้งว่าพบหลุมบ่อบนถนนถนน หน่วยงานที่ดูแลต้องทำการซ่อมแซมทันที และจากข้อมูลสำคัญยังบอกว่าการใช้จ่ายด้านท้องถนนในแต่ละปีมีความเหมาะสมมากขึ้น
การซ่อมแซมถนนทำอย่างไร?
แน่นอนว่าเงินจำนวนมากช่วยให้ถนนกลับมาดีได้รวดเร็ว ซึ่งก็มีแนวโน้มที่จะเป็นอย่างนั้น เนื่องจากรัฐบาลยืนยันว่าเตรียมเงินราว 7 แสนล้านบาทสำหรับโครงการก่อสร้างถนนหลักกว่า 100 แผนงาน ในระหว่างปี 2015-2020 ขณะเดียวกันก็เพิ่มงบอีก 3 แสนล้านบาท ไว้สำหรับบำรุงและซ่อมถนนท้องถิ่นระหว่างปี 2015-2021
อย่างไรก็ดีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็มีความกังวลเรื่องงบลงทุน ในเรื่องถนน ทางด่วน และเส้นทางใหม่ รวมถึงงบสำหรับถนนเส้นท้องถิ่น ซึ่งมีคำกล่าวว่า “ถนนเส้นท้องถิ่นนับเป็น 98% ของเครือข่ายถนน และมีความยาว 2 ใน 3 ของการจราจร ทว่าเงินที่หน่วยงานท้องถิ่นได้รับกลับน้อยกว่าที่ต้องการไว้อยู่มาก”
แม้มีการแยกก้อนเงินสำหรับถนนท้องถิ่นและเส้นทางสายหลัก แต่ก
ารใช้เงินอย่างชาญฉลาดด้วยการวางแผนล่วงหน้านั้นสำคัญยิ่งกว่า เพราะนอกจากจะช่วยลดเม็ดเงินที่สูญเสียก็ยังทำให้เวลาทำงานน้อยลงอีกด้วย
ผู้เชี่ยวชาญเผยว่าการที่หน่วยงานท้องถิ่นวางแผนโครงการอย่างละเอียด ด้วยการระบุต้นตอของปัญหาแล้วเน้นให้สิ่งนั้นสำคัญ โดยต้องไม่เลือกซ่อมถนนที่ผ่านหน้าบริษัทยักษ์ใหญ่หรือเส้นที่แน่นไปด้วยรถ หากแต่พวกเขาต้องลงมือซ่อมแซมถนนหรือปรับสภาพทางใหม่ตลอดอายุการใช้งานของถนน
ปัญหาที่ทำให้ถนนอยู่ในสภาพทรุดโทรมมาจากอากาศอันเลวร้าย ยิ่งในช่วงเวลาที่มีฝนตกหรืออากาศหนาว ซึ่งมีน้ำซึมเข้าตามรอยร้าวบนพื้นถนนจากนั้นจะกลายเป็นน้ำแข็ง แล้วพอมันขยายตัวออกก็ทำให้รอยร้าวมีขนาดใหญ่ขึ้นจนกลายเป็นหลุมบ่อ โดยเราไม่แปลกใจเลยว่าทำไมช่วงฤดูหนาวและฤดูใบไม้ผลิ การจราจรจึงติดขัดอยู่บ่อยครั้ง
มีอีกหลายเดือนที่ไม่สามารถโทษสภาพอากาศได้ เพราะถ้าถนนถูกสร้างมาอย่างดี สภาพอากาศที่เลวร้ายของอังกฤษก็ไม่สามารถทำอะไรถนนได้ ไม่เชื่อก็ดูได้จากถนนในประเทศแถบสแกนดิเนเวีย ที่สามารถสร้างถนนให้ไร้รอยแตกร้าวแม้จะเจออากาศย่ำแย่เหมือนกัน
วิธีเรียกร้องค่าเสียหายจากหลุมบ่อที่ทำร้ายรถของคุณ
หากรถของคุณได้รับความเสียหายจากสภาพถนนอันชำรุดย่ำแย่ และคิดว่าจะเรียกร้องความผิดชอบจากหน่วยงานที่ดูแล เรามีคำแนะนำให้ทำดังนี้
1. รวบรวมหลักฐาน
ทำสิ่งนี้ให้เร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ ด้วยการถ่ายรูปหลุมบนถนน ตรวจวัดความกว้างกับความลึกของหลุมด้วยถ้าการจราจรบริเวณนั้นไม่คับคั่งและปลอดภัยที่จะทำ
2. ทำรายงาน
แจ้งหน่วยงานที่ดูแลถนนเส้นนั้นให้รู้ว่ามีหลุมบ่อบนถนน ซึ่งคุณสามารถใช้เว็บไซต์ของทางการในติดต่อกับผู้มีหน้าที่รับผิดชอบโดยตรง จากนั้นแจ้งตำแหน่ง ชื่อหรือหมายเลขถนน และบอกถึงรายละเอียดของพยานที่รับรู้ถึงความเสียหาย จากนั้นส่งรูปและหลักฐานไปให้กับหน่วยงานที่ดูแล
3. ตรวจสอบว่าถนนได้รับการซ่อมแซมเมื่อไหร่
คุณต้องส่งคำร้องขอดูรายงานการซ่อมแซมไปยังหน่วยงานที่ดูแลถนนเส้นนั้น โดยหลักฐานชิ้นนี้จะเป็นประโยชน์อย่างมากในการเรียกร้องค่าชดเชยหากรายงานของคุณถูกปฏิเสธ
4. เขียนคำอธิบาย
ให้เขียนคำอธิบายเพราะอะไรคุณถึงต้องได้รับเงินชดเชยด้วยความสุภาพแต่หนักแน่น แล้วจำไว้ว่าหน่วยงานเหล่านี้มีหน้าที่ในการบำรุงรักษาถนน ดังนั้นต้องระบุเหตุการณ์ที่ทำให้เกิดความเสียหายอย่างครบถ้วน และแสดงข้อมูลที่เกี่ยวข้องเช่นว่า พวกเขาไม่ได้ดูแลถนนเส้นนี้มานานหากคุณมีข้อมูลเหล่านี้อยู่
5. เข้าใจเหตุผล
ถ้าการเรียกร้องเงินชดเชยถูกปฏิเสธ ให้คุณตั้งมั่นอยู่บนพื้นฐานความเป็นจริง หากว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแลสภาพถนนเป็นประจำและซ่อมแซมตามความจำเป็น ปัจจัยนี้ทำให้เจ้าหน้าที่มีสิทธิ์ไม่จ่ายเงินตามประมวลกฎหมาย นั่นทำให้ข้อเรียกร้องของคุณตกไป อย่างไรเสียก็ไม่ถึงกับต้องเอาเป็นเอาตายกันไปข้างหนึ่ง
ทำอย่างไรหากรถของคุณเสียหายจากหลุมบ่อ
หลุมบ่อนับเป็นปัญหาระดับชาติ ขณะเดียวกันมันก็คือปัญหาส่วนตัวคุณหากรถสุดรักเกิดความเสียหาย โดยเว็บไซต์ potholes.co.uk ที่สร้างเพื่อเพิ่มการรับรู้ถึงถนนเส้นที่มีหลุมเยอะ และช่วยให้ผู้ขับขี่รายงานหลุมบ่อพร้อมด้วยตรวจสอบการชดเชยความเสียหาย
รายงานหลุมทั้งหมด
มีคำพูดที่ว่าการป้องกันดีกว่าการรักษา นั่นจึงเป็นเหตุว่าทำไมเว็บไซต์ potholes.co.uk จึงสนับสนุนให้ผู้ขับขี่รายงานเส้นถนนที่เสียหาย ไม่ว่าพวกเขาจะเรียกร้องค่าเสียหายหรือไม่ก็ตาม เพราะมันเป็นขั้นตอนที่รวดเร็วและง่ายดาย เพียงแค่ลงทะเบียนแล้วใช้แบบฟอร์มออนไลน์ในการอธิบายหลุมกับตำแหน่งของมัน เพิ่มรูปถ่ายแล้วส่งมันให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
นอกจากนี้คุณยังสามารถรายงานตำแหน่งของหลุมบ่อไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้โดยตรง ซึ่งมันทำได้ง่ายๆ ผ่านเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของหน่วยงานนั้น
10 รถยนต์ในอังกฤษที่ทนทานต่อหลุมบ่อมากที่สุด
คุณคงคิดว่ารถ SUV ขนาดใหญ่น่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด สำหรับการผจญกับหลุมบ่อแสนน่ารำคาญ ทว่าจากการรวบรวมข้อมูลโดย Warranty Direct ซึ่งพิจารณารถที่ทางบริษัทคุ้มครองเรื่องความเสียหายด้านช่วงล่างกับเพลาน้อยที่สุด 10 อันดับแรก รวมกับข้อเรียกร้องที่หาสาเหตุไม่ได้อันเกี่ยวข้องกับระบบกันสะเทือนทั้งหมด โดยข้อมูลระบุว่ารถเหล่านี้แทบจะไม่มีการเรียกร้องความเสียหายที่กล่าวมาเลย นั่นทำให้เห็นว่าพวกมันรับมือกับสภาพถนนที่ย่ำแย่ได้ดีขนาดไหน
ยี่ห้อและรุ่น | ปีที่ผลิต | การเคลมระบบช่วงล่าง |
1 = Ford S-Max | (’06-‘15) | 0.00 % |
1 = Nissan Qashqai | (’07-‘14) | 0.00 % |
3 BMW X5 | (’07-‘13) | 0.60 % |
4 Mini Cooper | (’06-‘13) | 0.64 % |
5 Honda Jazz | (’08-‘16) | 0.69 % |
6 Mercedes-Benz C-Class | (’07-‘11) | 0.72 % |
7 Vauxhall Corsa | (’07-‘14) | 0.74 % |
8 Land Rover Freelander | (’06-‘14) | 0.78 % |
9 Toyota Avensis | (’03-‘09) | 0.83 % |
10 Nissan Note | (’06-‘13) | 0.84 % |