งาน “บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 43” ซึ่งจัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 23 มีนาคม – 3 เมษายนที่ผ่านมา มียอดจองรถภายในงานรวมทั้งสิ้น 33,936 คัน เติบโตเพิ่มขึ้น 13.6 เปอร์เซ็นต์ จากปีที่ผ่านมา ส่วนหนึ่งมาจากมาตรการณ์ของภาครัฐที่ส่งเสริมรถยนต์ไฟฟ้า โดยให้ส่วนลดมากถึง 150,000 บาท ส่งผลให้ยอดจองรถยนต์ภายในงานมากกว่า 10 เปอร์เซ็นต์ เป็นยอดจองรถพลังงานไฟฟ้า ซึ่งมีค่ายรถยนต์เริ่มให้ความสำคัญกับรถในกลุ่มพลังงานไฟฟ้ามากยิ่งขึ้นในปัจจุบัน ส่งผลให้ภายในงานครั้งนี้มีการนำเสนอรถพลังงานไฟฟ้ามากถึง 20 รุ่นประกอบกับรถยนต์และรถยนต์จักรยานยนต์รุ่นใหม่ที่แนะนำในช่วงงานรวมถึงแคมเปญกระตุ้นยอดขายของค่ายรถขณะที่ผู้บริโภคให้ความเชื่อมั่นในมาตราฐานด้านความปลอดภัยของการจัดงานทำให้มีตัวเลขผู้เข้าชมงานสูงถึง 1,578,898 คน
สำหรับการออกนโยบายสนับสนุนของภาครัฐในครั้งนี้ ส่งผลดีต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศไทย อย่างชัดเจนใน 2 ด้าน ด้านแรก คือ มีส่วนช่วยกระตุ้นผู้บริโภคให้มีความสนใจและมีความต้องการที่จะเป็นเจ้าของเนื่องราคาจำหน่ายที่ถูกลง ส่วนด้านของผู้ผลิตและผู้จำหน่ายรถยนต์การมีมาตรการสนับ สนุนจากภาครัฐที่ชัดเจน ส่งผลให้ค่ายรถยนต์มีความมั่นใจและกระตุ้นให้เกิดการลงทุนในการทำตลาดรถไฟฟ้าในประเทศไทยมากขึ้น
ทั้งนี้รถรถยนต์ไฟฟ้าที่ได้รับความสนใจอย่างมากจากประชาชน คือ รถของ ค่ายเอ็มจี และ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ที่ได้ลงนามกับภาครัฐที่ส่งเสริมแคมเปญและให้ส่วนลดมากถึง 150,000 บาท โดย ค่ายเอ็มจี มีรถอีวี 2 รุ่น คือ เอ็มจี อีพี และเอ็มจี แซดเอส อีวี และ รถจากเกรท วอลล์ มอเตอร์ แบรนด์ โอร่า กู๊ดแคท ที่ประกาศลดราคาขายปลีกลงไป 160,500-161,000 บาท ซึ่งทั้ง 2 ค่ายมียอดจองภายในงานรวมกันมากกว่า 2,000 คัน นอกจากนี้ ยังมีรถไฟฟ้าจากค่ายญี่ปุ่นและยุโรป ไม่ว่าจะเป็นโตโยต้า เมอร์เซเดส-เบนซ์ บีเอ็มดับเบิ้ลยู และวอลโว่ ที่ได้รับความสนใจจากผู้เข้าชมงานเป็นจำนวนมากเช่นกัน
โดยสิ่งที่ตอกย้ำพฤติกรรมของผู้บริโภคว่าให้การตอบรับกับรถยนต์รุ่นใหม่ที่เปิดตัวและรับจองภายในงานมอเตอร์โชว์เป็นครั้งแรกได้อย่างชัดเจน คือ แบรนด์น้องใหม่อย่าง เกรท วอลล์ มอเตอร์ ซึ่งเข้าร่วมงานบางกอก มอเตอร์โชว์ เป็นปีที่ 2 และเริ่มเปิดรับจองรถยนต์ภายในงานเป็นครั้งแรก ก็สามารถสร้างยอดจองจากรถยนต์รถพลังงานไฟฟ้าทั้ง 3 รุ่น เฉพาะในงานได้มากถึง 1,520 คัน
สำหรับปริมาณยอดจองรถใหม่ภายในงานมีปริมาณอยู่ที่ 31,896 คัน เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาประมาณ 14.4 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งบริษัทที่ทำยอดจองสูงสุดภายในงาน ได้แก่
อันดับ 1 โตโยต้า ยอดจองรวม 5,128 คัน
อันดับ 2 ฮอนด้า ยอดจองรวม 3,019 คัน
อันดับ 3 มาสด้า ยอดจองรวม 2,906 คัน
อันดับ 4 อีซูซุ ยอดจองรวม 2,594 คัน
อันดับ 5 มิตซูบิชิ ยอดจองรวม 2,553 คัน
อันดับ 6 เอ็มจี ยอดจองรวม 2,324 คัน
อันดับ 7 ซูซูกิ ยอดจองรวม 2,204 คัน
อันดัน 8 เมอร์เซเดส-เบนซ์ ยอดจองรวม 2,102 คัน
อันดับ 9 ฟอร์ด ยอดจองรวม 1,797 คัน
อันดับ 10 นิสสัน ยอดจองรวม 1,620 คัน
สำหรับปริมาณยอดจองรถจักรยานยนต์ภายในงานมีปริมาณอยู่ที่ 2,040 คัน เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาประมาณ 2 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งบริษัทที่ทำยอดจองสูงสุดภายในงาน ได้แก่
อันดับ 1 ยามาฮ่า ยอดจองรวม 939 คัน
อันดับ 2 ฮาเลย์ เดวิดสัน ยอดจองรวม 305 คัน
อันดับ 3 คาวาซากิ ยอดจองรวม 252 คัน
อันดับ 4 รอยัล เอนฟิลด์ ยอดจองรวม 193 คัน
อันดับ 5 ซูซูกิ ยอดจองรวม 182 คัน
สำหรับงาน “บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 44” จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 22 มีนาคม – 2 เมษายน 2566 โดยวันที่ 20 มีนาคม เป็นรอบ VIP ส่วนวันสื่อมวลชน กำหนดจะมีขึ้นวันที่ 21 มีนาคม 2566 ณ อิมแพค ชาเลนเจอร์ 1-3 เมืองทองธานี
หมายเหตุ : ทางบริษัท ไทยฮอนด้า แมนูแฟคเจอริ่ง จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายรถจักรยานยนต์ฮอนด้า ไม่ประสงค์แจ้งยอดจองภายในงาน